เปิดโผ 20 “บจ.” กำไร Q1 สูงสุด! นำโด่ง PTT โกย 2.9 หมื่นล้านบาท

เปิดโผ 20 อันดับบริษัทจดทะเบียน (SET) กำไรสูงสุดไตรมาส 1/67 โดยอันดับ 1 หนีไม่พ้นสายพลังงานอย่าง PTT กำไรมากสุด 2.9 หมื่นล้านบาท ตามด้วยอันดับ 2 ตกเป็นบริษัทย่อย PTTEP กำไรสุทธิ 1.9 หมื่นล้านบาท


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รวบรวมข้อมูลผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ภายหลังจากมีรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 ทั้งนี้ กลับพบว่าบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิมากที่สุด 20 อันดับแรก ได้แก่ PTT, PTTEP, KBANK, SCB, KTB, BBL, ADVANC, BAY, CPALL, TOP, TTB, DELTA, CPN, BDMS, SPRC, OR, GULF, INTUCH, TLI และ CPAXT

ดูจากตารางปรกอบ

ทั้งนี้ คัดเลือกหุ้นที่รายงานผลกำไรสุทธิสูงสุดในไตรมาส 1/67 จำนวน 5 อันดัแรก พร้อมบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ประกอบ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิ 28,967.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.99% จากช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ จำนวน 27,854.84 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มธุรกิจสํารวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) มีผลการดําเนินงานเพิ่มขึ้นตามปริมาณการขายเฉลี่ยที่เพิ่มมขึ้น และผลการดําเนินงานของกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานปรับตัวดีขึ้นจากผลการดําเนินงานของธุรกิจยา และผลการดําเนินงานของ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้า SPP ที่ค่า Ft ปรับตัวสูงขึ้น

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มกําไรในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 3-3.50 หมื่นล้านบาท โดยธุรกิจสำรวจฯ น่าจะเป็นธุรกิจเด่นจากทั้งปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและราคาน้ำมันที่อยู่สูง แต่ธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีอาจจะอ่อนตัวตามค่าการกลั่น และธุรกิจก๊ซธรรมชาติน่าจะดีขึ้นจากต้นทุน Pool gas ที่คาดการณ์ว่าจะลดลงหลังจากที่ G1/61 สามารถผลิตได้ตามสัญญา ซึ่งเบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรปี 2567 อยู่ที่ 9 หมื่นล้านบาท แต่แนวโน้มมี upside ต่อประมาณการ ดังนั้นคงคแนะนํา “ซื้อเก็งกําไร” หุ้น PTT ราคาเป้าหมาย 37.50 บาท

บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 18,682.82 ล้านบาท ลดลง 3.10%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 19,281.39 ล้านบาท สาเหตุจากบริษัทมีรายได้รวม 78,812 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 78,438 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 45,571 ล้านบาท เพิ่มขึ้ 5%

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ ว่าคาดตรมาส 2/2567 ปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้นราว 8% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากแหล่งเอราวัณเริ่มดำเนินการผลิตเต็มไตรมาส ขณะที่ราคานามันปรับตัวขึ้นเนื่องจากอุปทานที่ตึงตัวหลังอิรักและซาอุฯ ได้ปรับลดการผลิตนามันลง อย่างไรก็ตามคาดว่าราคาขายก๊าซธรรมชาติจะปรับตัวลงตามสูตรราคาใหม่ของแหล่งผลิตเอราวัณ ขณะที่คาดว่าต้นทุนการผลิตจะทรงตัวที่ระดับ 28-29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จึงแนะนำ “ซื้อ ราคาเป้าหมาย 179.00 บาท

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 13,485.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 10,741.06 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 185 ล้านบาท หรือ 2.28% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุนธรรมเนียมรับจากการรับรองตั๋ว อาวัล และค้ำประกัน รวมถึงค่าธรรมเนียมรับจากธุรกิจบัตร

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองบากต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีนี้ที่คาดการณ์ว่าจะเห็นการตั้งสำรองหนี้สูญลดลงและความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงหนี้เสีย (NPL) ที่ทำได้ดี โดยBloomberg Consensus คาดการณ์กำไรปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 44.417 ล้านบาท ประกอบกับราคาหุ้นซื้อขายที่ PBV ที่ระดับ 0.59 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ระดับ 0.61เท่าและมีโอกาส upside จึงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น KBANK ราคาเป้าหมาย 145 บาท

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส /2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11,281.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10,995.38 ล้านบาท เป็นผลจากการขยายตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้จากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่สินเชื่อโดยรวมขยายตัว 2.1% จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในธุรกิจสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารไทยพาณิชย์ และการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลบนแพลตฟอร์มดิจิทัลของบริษัทลูกอื่น ๆ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า ฝ่ายวิเคราะห์มองเห็นว่า SCB จะได้รับประโยชน์จากการยื่นประมูลธนาคารไร้สาขา (Virtual Banks) โดยธนาคารไทยพาณิชย์และกรุงไทยเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกที่แสดงความสนใจ และทั้งสองธนาคารได้จัดตั้งกลุ่ม consortium เพื่อยื่นประมูลใบอนุญาต และนาคารไทยพาณิชย์เป็นส่วนหนึ่งของธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาที่ประสบความสำเร็จในประเทศอื่นๆ เช่น เกาหลีใต้ (ธนาคาร Kakao) และจีน ( WeBank) ขณะที่ KTB มีความร่วมมือกับบริษัทชั้นนาในท้องถิ่น ดังนั้นจึงเชื่อว่า 2 ธนาคารนี้มีตำแหน่งที่ดีที่สุดในการชนะการแข่งขันธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา

ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์เห็นโอกาสความสำเร็จที่มากกว่าสำหรับธนาคารไทยพาณิชย์ เนื่องจากธนาคาร Kakao และ WeBankสามารถแบ่งปันแนวปฏิบัติการให้คะแนนเครดิตที่ประสบความสำเร็จในจีนและเกาหลีได้ โดยคงคำแนะนา “ซื้อ” หุ้น SCB ราคาเหมาะสม 122 บาท

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB มีกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 1/67 จำนวน 11,078.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,011.85 ล้านบาท หรือ 10.05% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจำนวน 10,066.60 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัวร้อยละ 15.4 จากพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตอย่างระมัดระวัง เพื่อรักษาสมดุลด้านความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มุ่งเน้นคุณภาพ รวมถึงการขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ

ขณะเดียวกัน ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระดับที่เหมาะสม ยังคงรักษา Coverage ratio ในระดับสูงคงที่ประมาณร้อยละ 181 พร้อมทั้งบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างยืดหยุ่นและระมัดระวังต่อเนื่อง โดยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพเท่ากับ 98,815 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPLs Ratio) เท่ากับร้อยละ 3.14

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุว่า Bloomberg Consensus าดการณ์กำไรปี 2567 เฉลี่ย 44,177 ล้านาท เพิ่มขึ้น 2% จาช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามาคาหุ้นที่ลดลง 8% จากปีก่อนจนถึงปัจจุบันนั้น ทำให้ซื้อขยที่ระดับ PBV 0.59 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 0.66 เท่า และยังมี upside อยู่ที่ 15%ากราคาที่เหมาะสม จึงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น KTB ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท

Back to top button