PSP แย้ม Q2 โตต่อ ลุยปั๊มยอดขาย-ขยายธุรกิจใหม่ เล็งเพิ่มสัดส่วนรายได้ตปท.แตะ 30%
PSP ส่งซิกไตรมาส 2/67 โตต่อเนื่อง เดินหน้าเพิ่มยอดขาย พร้อมขยายลงทุนธุรกิจใหม่ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีมาร์จิ้นสูง เล็งเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศแตะระดับ 30% หวังสร้างการเติบโตก้าวกระโดด
นายเสกสรร ครองพาณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PSP เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2567 คาดการณ์ว่าจะเห็นการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2567 จากคำสั่งซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัท จีเนียส เจเนติกส์ จำกัด หรือ GeneusDNA ผู้ให้บริการการตรวจวิเคราะห์สุขภาพและพรสวรรค์ด้วย DNA ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 25%
ส่วนกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตในช่วงปี 2567 บริษัทฯ มุ่งเน้นสร้างยอดขายสินค้าและผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ และพัฒนาผลิตภัณฑ์พิเศษที่หลากหลาย อาทิ ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร น้ำยาบำบัดไอเสีย น้ำยาหล่อเย็นแบตเตอรี่ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร พร้อมทั้งบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนขยายธุรกิจใหม่หรือธุรกิจที่ความเกี่ยวข้องที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรที่ดียิ่งขึ้น
“บริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นในปี 2567 จะดำเนินธุรกิจได้ตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพัฒนาและผลิตสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์พิเศษ อาทิ จาระบี น้ำมันผสมยาง และน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าเป็น 25% จากเดิม 17% และเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศเป็น 30% จากเดิม 15% พร้อมตั้งเป้าหมายที่จะลดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.14 เท่า โดยบริษัทฯ ได้คำนึงถึงการรักษาสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งและมั่นคง ควบคู่ไปกับการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต” นายเสกสรร กล่าว
นายโชติธนินท์ เต็มศิริพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ PSP กล่าวเสริมว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 3,504 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 338% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 80% เมื่อเทียบจากไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลมาจากยอดขายที่มีการเติบโต กำไรขั้นต้นที่ปรับตัวสูงขึ้น และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง
โดยปัจจุบันบริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำมันแบบครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ การพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ การผลิตและการบรรจุผลิตภัณฑ์ การให้บริการศูนย์กระจายน้ำมันเชื้อเพลิง การจัดเก็บและการให้บริการศูนย์กระจายสินค้า
รวมถึงการให้บริการจัดการด้านโลจิสติกส์ โดยมีกำลังผลิตน้ำมันหล่อลื่น 212 ล้านลิตร/ปี สูงสุดในประเทศไทย และมีกลุ่มลูกค้าชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อาทิ ยานยนต์ หม้อแปลงไฟฟ้า พลังงาน เป็นต้น นอกจากนั้นยังขยายธุรกิจสู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และบริการวิเคราะห์ DNA ซึ่งสอดคล้องกับเมกะเทรนด์และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกันแนวโน้มตลาดน้ำมันหล่อลื่นยังมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันหล่อลื่นในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยผลิตภัณฑ์หล่อลื่นในภูมิภาคอาเซียนมีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีมากกว่า 4% (CAGR 2563-2566)
“สำหรับกรณีที่มีการผลักดันให้เปลี่ยนรถยนต์น้ำมันมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นในปัจจุบันนั้น ในระยะสั้นมีผลกระทบต่อธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากมองว่าการเปลี่ยนจากรถยนต์น้ำมันมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน และปัจจุบันได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่สามารถใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า อาทิ น้ำมันเกียร์ น้ำมันแบตเตอรี่ ไว้แล้ว” นายโชติธนินท์ กล่าวในที่สุด