WHA แย้ม Q2 โตต่อ! เตรียมอัพเป้ายอดที่ดิน รับจีนย้ายฐานผลิต-เจรจาลูกค้ารายใหญ่
WHA ส่งซิกไตรมาส 2/67 โตต่อเนื่อง เตรียมปรับเป้ายอดขายที่ดินเพิ่ม ตั้งหลังเป้าเดิม 2,275 ไร่ รับจีนย้ายฐานผลิต-เจรจาลูกค้ารายใหญ่ มิ.ย.-ก.ค.นี้ พร้อมกางแผน 5 ปี วางงบลงทุน 7.9 หมื่นล้านบาท รุกขยาย 4 ธุรกิจหลักต่อเนื่อง
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าคณะกรรมการบริหารและปรานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day ที่จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 21 พ.ค.67 ว่าแนวโน้มไตรมาส 2/67 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/67 จากกลุ่มนักลงทุนจีนที่มีความสนใจย้ายฐานผลิตมาลงทุนในประเทศไทย เหตุจากประเด็นสงครามการค้ากับสหรัฐ
โดยทำให้มีลูกค้าจากจีนเข้ามาติดต่อและสำรวจที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทมีแผนเร่งขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากบริษัทยังมีที่ดินในมือมากถึง 8,800 ไร่ ที่รองรับการพัฒนาเพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทยังรอความชัดเจนของการที่เซ็นสัญญาซื้อที่ดินของลูกค้ารายใหญ่ในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.นี้ ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ที่เจรจาสนใจที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 จำนวน 400 ไร่
สำหรับแนวโน้มปี 67 บริษัทมีการตั้งเป้าขยาย 4 ธุรกิจหลัก 1.ธุรกิจโลกิจโลจิสติกส์ โดยตั้งเป้าขยายพื้นที่ภายในสิ้นปีนี้อยู่ที่ 3,145,000 ตารางเมตร โดยจะมีในส่วนของการขยายพื้นที่ให้เช่าอยู่ที่ 200,000 ตารางเมตร และมีแผนที่จะขาย asset ครอบครองลีดอยู่ที่ 213,000 ตารางเมตร
2.ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม มีการตั้งเป้าขายที่ดินรวมเป็น 2,275 ไร่ โดยแบ่งเป็นที่ดินในไทย 1,650 ไร่ และที่ดินในเวียดนาม 625 ไร่ 3.ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน โดยตั้งเป้าขายน้ำอยู่ที่ 178 ล้านลูกบาศก์เมตรภายในสิ้นปี และขายไฟฟ้าอยู่ที่ 1,000 เมกะวัตต์
4.ขณะที่ธุรกิจดิจิทัลจะมีการเริ่มทำ AI Transformation โดยบริษัทต้องการอัพเดตในส่วนของ MOBILIX ซึ่งตอนนี้แอพพลิเคชั่นอยู่ในไฟนอล และกำลังทดสอบให้ทุกอย่างพร้อมโดยใช้เวลาไม่เกิน 1-2 เดือนคาดสามารถเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการได้ แต่ส่วนที่มีการดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วคือ Digital Health Tech ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงแนะนำให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ
นอกจากนี้บริษัทมีแผน 5 ปี ระหว่างปี (2567-2571) โดยวางงบลงทุนไว้ที่ 78,700 ล้านบาท แบ่งเป็น 4 ธุรกิจดังนี้ 1.ธุรกิจโลกิจโลจิสติกส์จำนวน 21,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมจำนวน 33,000 ล้านบาท 3.ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานจำนวน 21,200 ล้านบาท และ4.ธุรกิจดิจิทัลจำนวน 3,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,364.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 522.70 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 3,929.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,440.70 ล้านบาท
โดยเป็นผลมาจากการขับเคลื่อนของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ คือโลจิสติกส์, นิคมอุตสาหกรรม,สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลทั้งประเทศไทยและประเทศเวียดนาม ซึ่งสอดคล้องรับกระแสการย้ายฐานการลงทุนและฐานการผลิตของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ
รวมถึงนโยบายภาครัฐที่กระตุ้นการดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาในประเทศ ส่งผลให้ภาคการลงทุนกลับมาคึกคักอีกครั้ง และส่งผลให้ 4 กลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ จะได้รับอานิสงส์จากปัจจัยบวกดังกล่าว