KEX ดีด 13% รับข่าวหลัง SF เข้าถือหุ้นใหญ่-คลายกังวลสภาพคล่อง

KEX เด้งแรง 13% รับข่าว SF เข้าถือหุ้นใหญ่ คลายกังวลสภาพคล่อง พร้อมกางแผนเปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น “KEX” มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.68 หลังหมดสัญญาใช้เครื่องหมายการค้า “Kerry”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (28 พ.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ณ เวลา 11:01 น. เปิดตลาด ที่ระดับ 4.58 บาท บวก 0.56 บาท หรือ 13.86% สูงสุดที่ระดับ 5.05 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.08 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 114.18 ล้านบาท

ทั้งนี้ทาง เคอรี่ เอ็กซ์เพรส เปิดเผยว่าเตรียมปรับเปลี่ยนเครื่องหมายการค้าของบริษัทฯที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ “Kerry” สู่แบรนด์ “KEX” ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท โดยมีผลตั้งแต่ 22 ก.พ.68  หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นตามที่บริษัทประกาศเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 67 ส่งผลให้ ณ ปัจจุบัน S.F.Holdings Co., Ltd. (SF) เข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ผ่าน บริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SFTH

นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ บริษัท เคแอลเอ็น โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด KLNTH (ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เดิมของบริษัทฯ) สิ้นสุดการเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และ Kerry Logistics Network Limited (KLN Group) สิ้นสุดการควบคุมไม่ว่าในทางใดก็ตามหรือการถือซึ่งสิทธิในการออกเสียงไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม 50% หรือ มากกว่าในบริษัทฯ

โดยภายหลังการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นบริษัทฯ และ SF ได้ดำเนินการร่วมกันอย่างแข็งขันในการกำหนดกลยุทธ์ของบริษัทฯหลายประการซึ่ง รวมถึงการปรับเปลี่ยนเครื่องหมายการค้า เนื่องจากความเป็นไปได้ในการสิ้นสุดการใช้ชื่อและเครื่องหมายการค้าที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ “Kerry” อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นตามที่ได้เปิดเผยข้างต้น โดยการพิจารณาได้เป็นไปอย่างรอบคอบเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

ขณะที่บริษัทฯ และ SF ได้ใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการพูดคุยและเจรจากับ Kuok Registrations Limited (KRL) เกี่ยวกับรายละเอียดของข้อกำหนดและเงื่อนไขในการขยายสิทธิในการใช้ชื่อและเครื่องหมายการค้าแบรนด์ “Kerry” ภายใต้สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ ลงวันที่ 1 ส.ค. 65 (รวมถึงสัญญาที่แก้ไขเพิ่มเติมทั้งหมด) ระหว่างบริษัทฯ และ KRL และระยะเวลาขยายการใช้สิทธิที่เป็นไปได้แผนการในการปรับเปลี่ยนเครื่องหมายการค้าที่คาดการณ์ไว้และเงื่อนไขอื่น ๆ ในการใช้แบรนด์ต่อไป

ในขณะเดียวกันบริษัทฯ และ SF ได้ดำเนินการประเมินอย่างละเอียดถึงผลกระทบต่อการดำเนินการและสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนเครื่องหมายการค้า ทั้งนี้เมื่อคำนึงถึงการเจรจาข้อตกลงในการขยายระยะเวลาของสัญญาฯที่อาจเป็นไปได้และการพัฒนาของบริษัทฯ ในระยะยาว

อย่างไรก็ตามบริษัทฯ เชื่อว่าหนึ่งในทางออกที่ดีที่สุดของบริษัทฯ คือ การปรับเปลี่ยนเครื่องหมายการค้า (Rebranding) เพื่อยุติการใช้ชื่อและเครื่องหมายการค้าที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ “Kerry” โดยเปลี่ยนมาใช้แบรนด์ “KEX” แทน ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้จดทะเบียนไว้อยู่กับบริษัทลูกภายใต้เครือ SF ขณะที่ SF ได้เตรียมการที่จะให้บริษัทฯได้ใช้แบรนด์ดังกล่าวเพื่อการดำเนินธุรกิจ โดยขึ้นอยู่กับการเข้าทำสัญญาการขออนุมัติภายในองค์กรและภายใต้กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องของบริษัทฯและ SF รวมถึงบริษัทย่อย

ทั้งนี้ผลจากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯได้ทราบถึงหนังสือบอกเลิกสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ ลงวันที่ 23 พ.ค. 67 ซึ่ง KRL ได้ใช้สิทธิในการบอกเลิกสัญญาฯ ล่วงหน้าเป็นระยะเวลา 9 เดือน จากหนังสือบอกเลิกสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิดังกล่าว การเลิกสัญญาฯ จะมีผลในวันที่ 22 ก.พ. 68 และสิทธิของบริษัทฯ ในการใช้ชื่อและเครื่องหมายการค้าแบรนด์ “Kerry” จะสิ้นสุดลงในวันเดียวกัน คือ วันที่ 22 ก.พ. 68

นอกจากนี้ปัจจุบัน บริษัทฯ และ SF กำลังดำเนินการร่วมกันเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ สู่แบรนด์ “KEX” ในขณะที่บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายและปรับระดับแบรนด์ของบริษัทฯ เพื่อการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นและยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า และ ยังพิจารณาแผนการและกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากหนังสือบอกเลิกสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ และเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่น

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) มองว่าราคาหุ้น KEX ปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับ sentiment การประกาศรีแบรนด์จาก Kerry เป็น KEX Express หลังจากที่ S.F. Holding บริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีนเข้ามาบริหารธุรกิจเต็มตัว ซึ่งอาจเสริมศักยภาพและต่อยอดธุรกิจของ KEX มากขึ้น หรืออาจจะมีการใช้บริการเชื่อมโยงกับการให้บริการเครือข่ายการขนส่งจากจีน พร้อมกับสามารถขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ

โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับบนและลูกค้าอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มรายได้ต่อการจัดส่งสินค้า รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนที่มีโอกาสดีขึ้น ส่งผลบวกต่อทิศทางของผลการดำเนินงาน ขณะเดียวกันการที่มีบริษัทแม่ขนาดใหญ่บทบาทชัดเจนขึ้น ทำให้คลายกังวลเรื่องเงินทุนที่มีความสามารถในการรองรับและเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง หลังจาก KEX ขาดทุนหนักมาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องรอติดตามการดำเนินธุรกิจหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ซึ่งจะสะท้อนออกมาในผลการดำเนินงาน ดังนั้น ยังไม่มีคำแนะนำการลงทุนใน KEX

Back to top button