คัด 2 หุ้นท็อปพิก “ท่องเที่ยว” รับมาตรการวีซ่า 3 ระยะ!

ครม.อนุมัติมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว ด้วยมาตรการวีซ่า 3 ระยะ โดยบล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ” สองหุ้นท็อปพิก ชู ERW-CENTEL เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศสูง พร้อมเลือกลงทุน MINT


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประชุมเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 67 มีมติเห็นชอบมาตรการและแนวทางการตรวจลงตรา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยแบ่งมาตรการเป็น 3 ระยะ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมาถดถอยเรื้อรังมายาวนาน โดยทำให้อัตราการเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ หนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูงขึ้น หนี้ครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้น

สำหรับมาตรการระยะสั้น เริ่มบังคับใช้ 1 มิ.ย. 2567 ได้แก่ 1.การให้สิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา สามารถพํานักในประเทศไทยไม่เกิน 60 วัน (ผ.60) เป็นมาตรการฝ่ายเดียวของไทย และหลักเกณฑ์การพิจารณาให้สิทธิ ผ.60 จำนวน 93 ประเทศ/ดินแดน ประกอบด้วย (1) ประเทศที่ได้รับสิทธิ ผ.30 เดิม 57 ประเทศ/ดินแดน ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย และ (2) เพิ่มประเทศที่ได้รับสิทธิ ผ.30 ใหม่ 36 ประเทศ/ดินแดน อาทิ สาธารณรัฐอินเดีย ไต้หวัน สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มาเก๊า สหพันธรัฐรัสเซีย และราชอาณาจักรกัมพูชา

2.การให้สิทธิ Visa on Arrival (VOA) โดยปรับปรุงรายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองใหม่ จํานวน 31 ประเทศ

3.เพิ่มการตรวจลงตราประเภทใหม่ Destination Thailand Visa (DTV) สำหรับคนต่างด้าวที่มีทักษะและทำงานทางไกลผ่านระบบดิจิทัล (Remote Worker หรือ Digital Nomad) ซึ่งประสงค์จะพํานักในประเทศไทยเพื่อทำงานและท่องเที่ยวไปพร้อมกัน (Workcation) ได้แก่ กลุ่มที่มีทักษะสูง (ForeignTalent) และกลุ่มอาชีพอิสระ จากเดิมที่ขอวีซ่าเข้าประเทศ มีอายุวีซ่าครั้งละ 60 วัน พํานักได้ 30 วันของใหม่ขยายอายุวีซ่า 5 ปี พํานักได้ยาว 180 วัน และขยายได้อีก 180 วัน

4.ปรับปรุงสิทธิสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนระดับปริญญาตรีขึ้นไป 4 หมื่นคน โดยขยายเวลาพํานักในประเทศไทยหลังสำเร็จการศึกษา 1 ปี เพื่อหางาน เดินทาง ท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ในประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องเดินทางออกนอกประเทศไทย เริ่มบังคับใช้ 1 มิ.ย. 2567

ถัดมามาตรการระยะกลาง เริ่มใช้เดือนก.ย.-ธ.ค. 2567 ได้แก่ 1.จัดกลุ่มและปรับลดรหัสกำกับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว จากเดิม 17 รหัส เหลือ 7 รหัสโดยจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนก.ย. 2567

2.ปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวพํานักระยะยาว (LongStay) สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่ประสงค์ใช้ชีวิตบันปลายในประเทศไทย เช่น ปรับลดเงินประกันสุขภาพสำหรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว จากเดิมจำนวน 3 ล้านบาท แก้ไขเป็นผู้ป่วยใน 4 แสนบาท ผู้ป่วยนอก 4 หมื่นบาท

3.ขยายการเปิดให้บริการการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ (e-Visa) ซึ่งเดิมมีให้บริการระบบ e-Visa ณสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ 47 แห่ง เป็น 94 แห่ง ให้ครอบคลุมสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่และสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยทุกแห่งทั่วโลก ภายในเดือนธันวาคม ปี 2567

รวมทั้ง มาตรการระยะยาว เริ่มใช้เต็มรูปแบบในเดือนมิ.ย. 2568 ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบ Electronic TravelAuthorization (ETA) สำหรับกลุ่มคนต่างด้าวที่ได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา เป็นการนําเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรองคนต่างด้าว โดยการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า จากมาตรการดังกล่าว จะหนุนการเติบโตของกลุ่มท่องเที่ยวในระยะยาว เนื่องจากนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีน กลับมาเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นอันดับ 1 อีกครั้ง และการให้ฟรีวีซ่าที่นานขึ้นจะช่วยหนุนรายได้จากนักท่องเทียวต่างชาติให้ถึงเป้าที่ 2.5 ล้านล้านบาท โดยมาตรการระยะสั้นที่จะเริ่มในเดือนมิ.ย. 2567 จะช่วยหนุนการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงไตรมาส 2-3 ที่เป็นช่วง Low Season ของการท่องเที่ยวนประเทศให้โรงแรมมีอัตราการเข้าพักที่สูงขึ้นมาตรการระยะกลาง นอกจากจะหนุนการท่องเที่ยว รายได้กลุ่มโรงแรมและร้านอาหารแล้ว โดยมองว่ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะได้รับอานิสงส์จากการขายโครงการเช่นกัน เนื่องจากชาวต่างชาติสามารถซื้อคอนโดเพื่อการอยู่อาศัยและเพื่อการลงทุน

ทั้งนี้ ในปี 2567 ททท.ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวจีน 8.1 ล้านราย หรือคิดเป็น 74% ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปี 2562 โดยจากต้นปีถึงปัจจุบันมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยแล้ว 2.83 ล้านราย หรือคิดเป็น 5% ของเป้า และมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมรวม 14.33 ล้านราย คิดเป็น 41% ของเป้าที่ 35 ล้านราย ในขณะที่รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมอยู่ที่ 6.83 แสนล้านบาท คิดเป็น 27.3% ของเป้าที่ 2.5 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ มองว่าการให้ฟรีวีซ่าจะช่วยให้การตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยง่ายขึ้น และจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่นักท่องเที่ยว และอาจเพิ่ม Length ofStay ให้นานขึ้นเนื่องจากระยะเวลาของ Free Visa ยาวขึ้น

ทั้งนี้ ฝ่านนักวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” เลือก บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท และบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ราคาเป้าหมาย 47.00 บาท ซึ่งให้เป็น Top Pick ของกลุ่ม เนืองจาก ERW มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศสูงราว 90% ในขณะที่ CENTEL นอกจากจะมีรายได้จากโรงแรมในประเทศราว 80% ในขณะที่รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่กว่า 30% ของรายได้ และ CENTEL มีกลุ่มร้านอาหาร QSR ทั่วประเทศ ที่ คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่คึกคัก

ขณะเดียวกันแนะนําเลือกลงทุน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ราคาเป้าหมาย 42.00 บาท ในช่วงนี้ก่อน เนื่องจากเป็นช่วง High Season กลุ่มโรงแรมในยุโรป และคาดไตรมาส 2/2567 จะมีผลประกอบการดีกว่ากลุ่ม

Back to top button