NATION แจง 4 แนวทางแก้ไข หลังถูกขึ้นเครื่องหมาย “CB” ชี้เร่งลดต้นทุน 10%

NATION เปิด 4 แนวทางแก้ไข กรณีถูกขึ้นเครื่องหมาย CB ชี้เร่งลดต้นทุน-ค่าใช้จ่าย ประมาณ 10% พร้อมนำ AI พัฒนางาน สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ พ่วงขยายกลุ่มลูกค้าทั้งผู้อ่าน และผู้ใช้เม็ดเงิน


นางวรางคณา กัลยาณประดิษฐ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จํากัด (มหาชน) หรือ NATION เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทฯ ได้จัดประชุม Public Presentation ครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง จากการที่หลักทรัพย์ของบริษัทถูกคงเครื่องหมาย “CB” เนื่องด้วยมีอัตราส่วนของผู้ถือหุ้น น้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียนชําระแล้ว สำหรับงบการเงินไตรมาส 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ซึ่งสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

สำหรับแนวทางแก้ไข ประกอบด้วย 1.ปรับแผนการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งองค์กร ประมาณ 10% 2.สร้างความชัดเจนและความแตกต่างของแต่ละสื่อในเครือเนชั่น กรุ๊ป รวม 11 สื่อ เพื่อตอบสนองทุกกลุ่มของลูกค้าเป้าหมาย 3.ผู้บริหารขององค์กร เข้าพบลูกค้าเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ และนําเสนอธุรกิจสื่อของกลุ่มเนชั่น กรุ๊ป ในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายใหม่ๆ 4.การใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาพัฒนางาน ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าทั้งผู้อ่านและผู้ใช้เม็ดเงิน

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนทุกท่าน สามารถรับชมการนําเสนอแผนรายงานแนวทางการแก้ไข กรณีหลักทรัพย์ของบริษัท ถูกคงเครื่องหมาย “CB” ได้อีกครั้ง บนเว็บไซต์ของบริษัทที่ www.nationgroup.com

อนึ่ง ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 ที่ผ่านมา งบการเงินรวมของบริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จํากัด (มหาชน) และบริษัทย่อย สําหรับไตรมาส 1 สิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2567 กลุ่มบริษัทแสดงผลขาดทุนรวมจํานวน 110.28 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งมีผลขาดทุนจํานวน 36.20 ล้านบาท คิดเป็นการเปลี่ยนแปลงขาดทุนเพิ่มขึ้น 205%

โดยรายได้รวมสําหรับไตรมาส 1 ปี 2567 ลดลง 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยมีสาเหตุมาจากรายได้จากการให้บริการและการขายลดลง 26% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าโฆษณาที่ลดลง 25% และรายได้จากการจัดกิจกรรมลดลง 13% เนื่องจากในปีนี้มีการจัดกิจกรรมลดลงจากปีก่อน

ต้นทุนและค่าใช้จ่ายสําหรับไตรมาส 1 ปี 2567 เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยมีสาเหตุมาจากค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและค่าใช้จ่ายในการขายที่เพิ่มขึ้น กล่าวโดยสรุปผลการดําเนินงานรวมสําหรับไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 กลุ่มบริษัทแสดงผลขาดทุนรวม จํานวน 110.28 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งมีผลขาดทุนจํานวน 36.20 ล้านบาท

Back to top button