รีสอร์ต “วิชิต ซีอีโอ SCAP” ภูนับดาว โดนบุกจับ ใช้ที่ดินส.ป.ก.ผิดวัตถุประสงค์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 พ.ค.67) รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ซึ่งดำเนินรายการโดย นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และนางสาวอมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ ได้นำเสนอประเด็น “บุกจับรีสอร์ต CEO ศรีสวัสดิ์” ว่าเมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ชุดหน่วยเฉพาะกิจของ นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้บุกไปตรวจสอบที่มวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ที่ไร่ภูนับดาว ซึ่งในไร่นั้นมีทั้งในส่วนที่เป็น ไร่ ร้านอาหาร รีสอร์ตและคาเฟ่สไตล์ยุโรป เนื่องจากได้ทราบว่าภูนับดาวได้บุกรุกพื้นที่ สปก. จำนวน 32 ไร่ โดยได้บุกไปเพื่อตรวจสอบและทำการจับกุมเพื่อดำเนินคดี

ทั้งนี้มีข้อมูลว่า ภูนับดาวนั้นเป็นธุรกิจส่วนตัวของผู้บริหารระดับสูงของบริษัทระดับประเทศอย่าง นายวิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP  โดยเรื่องดังกล่าว นายธนดล  ได้เปิดเผยว่า จากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้ทราบมาว่า ภูนับดาวบุกรุกที่ สปก. โดยข้อมูลในเบื้องต้นเป็นพื้นที่จำนวน 32 ไร่ แต่จากที่ได้ไปทำการตรวจสอบพบว่าเป็นการบุกรุกเป็นพื้นที่กว่า 100 ไร่ ซึ่งใน 100 ไร่นั้น ได้ประกอบไปด้วย ฟาร์มโคนม และมีวัวที่ใช้ผลิตน้ำนมกว่าหลายร้อยตัว  อีกทั้งพบว่ามีอาคารขนาดใหญ่อยู่ 3-4 อาคารด้วยกัน

นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุงวิสัยทัศน์ต่างๆ โดยมี ต้นไม้ และมีการปรับพื้นที่ที่ค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นการปรับใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งเป็นการเปิกให้บริการทั่วไป มีทั้งร้านอาหารและร้านกาแฟ ทั้งนี้ตลอดเส้นทางที่เข้าไปในสระบุรีจนถึงอำเภอหมวกเหล็ก ได้มีการติดป้ายโฆษณาติดป้ายว่าเป็นไร่ภูนับดาว พร้อมเบอร์โทรติดต่อให้กับผู้ที่สนใจไปกลางแคมป์ปิ้ง และมีเพจที่เปิดในการเก็บค่าดำเนินการต่างๆ หรือค่ากลางเต็นท์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบทาง ศรีสวัสดิ์ นั้นไม่ได้มีการบุกรุก หากแต่พบว่าการใช้ที่ดินของ สปก.ที่อนุญาตไปผิดวัตถุประสงค์ แล้วสิ่งที่ตนกับคณะได้เจอจากการไปตรวจสอบได้พบว่าได้มีการเปิดบริษัทขึ้นมา ซึ่งออกมาเป็นที่ชัดเจนว่าจะใช้เป็นนอมีนีหรือไม่ ทั้งนี้ชื่อในเอกสาร ส.ป.ก. 4-01 ยังคงเป็นชื่อแรก เพียงแต่คนที่เข้าไปใช้ประโยชน์นั้นได้ใช้ผิดไปจากวัตถุประสงค์ตามกฎหมายที่ดินของ ส.ป.ก. เข้าข่ายผิดระเบียบและหลักเกณฑ์ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม  ที่ต้องใช้ เพื่อทำการเกษตรเท่านั้น และกลุ่มเป้าหมาย ต้องจัดสรรให้เกษตรกรที่ไร้ที่ทำกิน ซึ่งหมายความว่าพื้นที่ สปก. ได้มีไว้เพื่อให้ใช้ทำการเกษตร

โดยการที่จะทำฟาร์มโคนมนั้นสามารถทำได้แน่นอนไม่ผิดกฏระเบียบแต่อย่างใด แต่ไม่ได้มีไว้ให้ก่อสร้างอาคารและไปจดทะเบียนเป็นบริษัท และได้มีการประกาศให้บุคคลทั่วไปมาเช่าพื้นที่ (เต้นท์) แล้วต้องจ่ายเงิน และมีการก่อสร้างอาคารในลักษณะการดำเนินการทางพาณิชย์และมีการโอนเงินเข้าทางบัญชีของบริษัท ด้วยลักษณะนี้ได้เข้าข่ายการใช้ที่ดินที่ผิดวัตถุประสงค์ และเข้าข่ายในเรื่องของการฟอกเงิน

อีกทั้งบริษัทที่ตั้งขึ้นมาที่จะไปทำธุรกิจบนที่ดินตรงส่วนนั้นมีชื่อว่า บริษัท ภูนับดาว 2021 จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจการบริการด้านร้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร ทั้งนี้บริษัท ภูนับดาว กับชื่อเจ้าของ สปก. 4-01 เป็นคนละชื่อแต่มีความสัมพันธ์กันตามที่ได้มีการบันทึกถ้อยคำที่สํานักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี ซึ่งเจ้าของบริษัท ภูนับดาว 2021 จำกัด ตามที่ได้รับข้อมูลมา ก็คือ นายวิชิต พยุหนาวีชัย เป็นกรรมการแต่เพียงผู้เดียว แต่ทั้งนี้จะเป็นคนเดียวกับซีอีโอของศรีสวัสดิ์ ยังคงต้องรอการตรวจสอบ แต่โดยเบื้องต้นนั้น ชื่อ-นามสกุล ตรงกัน

สำหรับชื่อในสปก. 4-01 ซึ่งได้รับการจัดสรรไปเมื่อปี 2560 คือชื่อของ นายปรีชา มีประเสริฐ โดยมีความสัมพันธ์กันกับ นายวิชิต พยุหนาวีชัย เกี่ยวข้องกันตามที่ นายสิปปกร โกจินอก กำนันหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ได้ให้ถ้อยคำไว้ว่า ที่ดินดังกล่าวมีคนที่ชื่อ นายกุ้ง (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) ซึ่งเป็นเจ้านายของนายวันชัย ฉิมพลี ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 100 กว่าไร และปัจจุบัน นายกุ้ง ได้เสียชีวิตไปแล้ว โดยได้มอบพื้นที่ดังกล่าวให้กับนายวันชัย และนายวันชัยได้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว  และต่อมาเมื่อปี 2558-2559 นายวันชัย โดน กรมป่าไม้ดำเนินคดีฐานบุกรุกและแผ้วถางป่า ทั้งนี้ทางศาลได้มีคําพิพากษา ให้จำคุก นายวันชัย 2 ปี ปรับ 200,000 บาท แต่เนื่องจาก นายวันชัย รับสารภาพ จึงลงโทษโดย จำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท โทษให้ลงอาญาไว้ 2 ปี

ต่อมาปรากฏว่า ในเมื่อมีการแจ้งความในคดีแล้ว ในปี 2560 สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี ก็ได้ไปออกใบ ส.ป.ก. 4-01 ให้กับ นายปรีชามี ประเสริฐ ซึ่งบอกว่าตนเองนั้นเป็นบุตรบุญธรรมของนายวันชัย โดยได้มีการเลี้ยงดูกันมาตั้งแต่ยังเล็ก แต่ไม่ได้จดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมาย และปรากฏในข้อเท็จจริงที่ นายวันชัย ฉิมพลี ตามที่ได้ตรวจสอบเมื่อวานนี้ นายวันชัย ได้บอว่าตนเป็นพ่อตา นายวิชิต พยุหนาวีชัย และลูกสาวของนายวันชัย ได้เป็นภรรยาของ นายวิชิต

ทั้งนี้จากการที่ได้มีการประสานไปยัง นายปรีชามี ประเสริฐ ก่อนที่จะได้เข้าไปในไร่ ภูนับดาว ซึ่งคุณปรีชานั้นไม่ได้อยู่ในพื้นที่ได้เล่าว่า มีคุณพ่อซึ่งก็คือนายวันชัย ฉิมพลี ได้อยู่ในพื้นที่ โดยในระหว่างที่ทางตนเองและคณะได้เข้าไปเพื่อที่จะตรวจสอบพื้นที่ โดยได้ใช้กฎหมาย พรบ.ปฏิรูปที่ดิน ปี 2518 มาตรา 23 และได้รับอนุญาตจากนายวันชัยแล้ว โดยมีบัตรประจำตัวข้าราชการโชว์ให้กับคุณวันชัยดูและรับอนุญาต ทางตนจึงได้เข้าไปตรวจสอบโดยใช้กฎหมายดังกล่าว และได้ไปพบอาคารและพื้นที่ดังกล่าวตามที่ทางสื่อมวลชนได้ทราบ

โดยตอนที่เข้าไปตรวจก็ได้ไปพบกับนายวันชัยด้วยจึงได้ขอให้พาตนและคณะเข้าตรวจสอบสถานที่ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการขอเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ แต่นายวันชัยได้อ้างว่าขาของตนเองนั้นเป็นก้ามเนื้ออ่อนแรง จึงไม่สามารถพาตนและคณะเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ได้ ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ไปเดินสำรวจด้วยตนเอง แต่เมื่อถามกลับว่ามีใครพอที่จะสามารถพาเดินตรวจสอบพื้นที่ได้อีกไหม นายวันชัยกลับตอบกลับมาว่ามีแค่ตนเองเท่านั้น

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทางตนเองกับคณะหลังจากที่ได้เดินทางไปตรวจสอบแล้ว ก็ได้เดินทางไปบันทึกประจำวันโดยได้มี นายบรรจง ปองนาง ในฐานะผู้ที่มีอำนาจในการดูแลพื้นที่และจัดสรรที่ดิน  สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จังหวัดสระบุรี โดยได้ลงบันทึกประจำวันไว้ว่า ทางคณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบยังพื้นที่ดังกล่าวแล้ว และพบบริษัท แต่เท่านั้นก็ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากการลงบันทึกเป็นแค่การบันทึกไว้

แต่ในวันพรุ่งนี้(31 พ.ค. 67) ตนจะเดินทางไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำเนินคดีกับ นายวิชิต พยุหนาวีชัย ฐานบุกรุกและใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ อันมีลักษณะการค้า และจะร้องเรียนไปที่กอง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่าตามพระราชบัญญัติการปราบปรามการฟอกเงินปี 2542 มาตรา 3 (15) เพื่อที่จะให้ ปปง. เข้าไปดูในเรื่องของทรัพย์สิน ถ้าหากว่าพบความผิดก็จะกระทำการยึดและอายัดทันที