BTS พลิกขาดทุน 5 พันล้าน เซ่นพิษ KEX-ต้นทุนสายสีชมพู-เหลืองกดดัน

BTS รายงานงบปี 67 พลิกขาดทุน 5 พันล้านบาท หลังบันทึกขาดทุน KEX รวมถึงต้นทุนในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สายสีเหลือง ต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า


บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS รายงานผลการดำเนินงานงวดปี 67 สิ้นสุด 31 มี.ค.67 ดังนี้

ทั้งนี้ ในงวดปี 67 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 24,387 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% หรือ 248 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยรับ จำนวน 1,094 ล้านบาท และรายได้จากการบริการและการขายที่เพิ่มขึ้น จำนวน 726 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณา ภายใต้ธุรกิจ MIX และการรับรู้รายได้ค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูเป็นครั้งแรก ควบคู่กับการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ภายใต้ธุรกิจ MOVE

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของรายได้ดังกล่าวถูกหักกลบด้วยการลดลงของรายได้จากการให้บริการรับเหมา จำนวน 904 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูภายหลังการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์

ด้านค่าใช้จ่ายรวม เพิ่มขึ้น 24.70% หรือ 4,333 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 21,843 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าและจำหน่ายเงินลงทุนที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวใน บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX จำนวน 4,363 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทบันทึกกำไรจากการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเป็นประจำก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยและภาษี (Recurring EBITDA) จำนวน 8,138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.10% หรือ 469 ล้านบาท จากปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของ Recurring EBITDA ของธุรกิจ MOVE ซึ่งได้แรงหนุนจากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยรับที่เกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าและส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF)

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวถูกหักกลบบางส่วนด้วย Recurring EBITDA ของธุรกิจ MIX ที่ลดลง สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารซึ่งเป็นผลจากการขยายธุรกิจบริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหาชน) หรือ TURTLE และบริษัท แรบบิท แคช จำกัด (RCash) ควบคู่กับการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (ผลขาดทุนจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นใน KEX และผลขาดทุนจากการดำเนินงานในบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART)

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนจากการดำเนินงานในบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (แรบบิท โฮลดิ้งส์) เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผลประกอบการของธุรกิจ MATCH ปรับตัวลง

ทั้งนี้ แม้ว่าบริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะเผชิญกับผลขาดทุนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง แต่คาดการณ์ว่าจะไม่มีการรับรู้การด้อยค่าเงินลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติมในปี 67/68 ทั้งนี้ จากผลขาดทุนที่เกิดขึ้นในปี 66/67 คณะกรรมการบริษัทฯ ได้ทบทวนและพิจารณาอย่างรอบคอบในการงดการจ่ายเงินปันผล ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 53 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญในการบริหารจัดการผลขาดทุนสะสมในงบแสดงฐานะการเงินตลอดจนการกลับมาสู่การทำกำไรของบริษัทฯ เพื่อให้สามารถจ่ายเงินปันผลอีกครั้งได้โดยเร็วที่สุด

Back to top button