โบรกมองกำไรกลุ่ม “รพ.” ปีนี้โต 10% ชู BDMS-CHG ท็อปพิก!

โบรกมองเป็นโอกาสสะสมหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล คือ BDMS-BH-BCH-CHG-THG ลุ้นกำไรสุทธิรวมปี 67 เติบโต 10% โดยมีมุมมองบวกต่อหุ้น BDMS-CHG ท็อปพิก! รับลูกค้าผู้ป่วยไทย-ต่างชาติพุ่ง


บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า วานนี้ราคาหุ้นโรงพยาบาลที่ศึกษา 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH, บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH, บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG, บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ปรับตัวลงที่ 1-2% สวนทางกับดัชนีตลาด SET ที่ฟื้นตัว

โดยนับจากเดือนเมษายนไปจนถึงปัจจุบัน สำหรับดัชนีกลุ่มการแพทย์เพิ่มขึ้น 0.2% ปรับตัวดีกว่า SET ลดลง 2% ซึ่งราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ศึกษาไว้ 5 บริษัท พบว่า BH เพิ่มขึ้น 9% และ CHG เพิ่มขึ้น 1% outperform กลุ่มฯ ส่วน BDMS ลดลง 3%, BCH ลดลง 5% และ THG ลดลง 5% underperform กลุ่มฯ Recap ไตรมาส 1/2567

กลุ่มโรงพยาบาลที่ศึกษาฯ มีกำไรสุทธิรวม เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยเติบโตตามกำไรสุทธิของ BDMS เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อนหน้า และ BH เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อนหน้า ทำให้ all time high

ส่วน BCH เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 25% จากไตรมาสก่อนหน้า ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าปรับตัวแรงกว่า CHG เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 4% จากไตรมาสก่อนหน้าจากผลกระทบลูกค้าคูเวตลดลง และมีจำนวนผู้ประกันตนเพิ่มน้อย

ขณะที่ THG ลดลง 97% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนฟื้นตัวจากไตรมาส 4/2566 ขาดทุนสุทธิ 354 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิลดลงแรงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากผลขาดทุนของโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง และธุรกิจที่อยู่อาศัยผู้ สูงอายุ

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/2567 จะเป็น low season ของการใช้บริการลูกค้าชาวไทย ส่วนลูกค้าต่างชาติในตะวันออกกลาง ยังมีผลของรอมฎอนอีก 10 วัน เมื่อวันที่ 11 มีนาคม-10 เมษายน และคูเวตยัง overhang รอประกาศรายชื่อโรงพยาบาลผ่านเกณฑ์รัฐสวัสดิการคูเวต

โดยผู้บริหาร BH และ BDMS มองว่าจะชัดเจนปลายไตรมาส 2/2567 ไปจนถึงต้นไตรมาส 3/2567 รวมทั้งจะมีปัจจัยบวกฤดูกาลหนุนการใช้บริการเพิ่มขึ้นทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติในครึ่งหลังของปี 2567

ดังนั้น ฝ่ายนักวิเคราะห์มองเป็นโอกาสสะสมหุ้นโรงพยาบาล เนื่องจากในปี 2567 คาดการณ์กำไรสุทธิรวมกลุ่มฯ เพิ่มขึ้น10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจะกลับมาเติบโตหลังผ่านช่วงปรับฐานโควิด

อีกทั้งแนวโน้มไตรมาส 3/2567 คาดเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปีจากการใช้บริการมีผลบวกฤดูกาล และมี Economies of scale ของการใช้บริการเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีปัจจัยเฉพาะตัวรายโรงพยาบาล ได้แก่ BH, BDMS คาดหวังผ่านเกณฑ์รัฐสวัสดิการคูเวต, BCH คาดว่าผลบวกลูกค้าลิเบีย และการเพิ่มขึ้นของผู้ประกันตน ประกอบกับมีโอกาสปรับขึ้นราคา ขณะที่ CHG ได้ประโยชน์จากประกันสังคมเพิ่มสิทธิรักษาโรคยาก และโรงพยาบาลแม่สอดดีขึ้น

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/2567 เบื้องต้นคาดการณ์กำไรปกติรวมเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง10% จากไตรมาสก่อนหน้าเติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนตามกำไรของโรงพยาบาลส่วนใหญ่ ยกเว้น THG คาดการณ์กำไรลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน คาดยังมีปัจจัยลบของโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง และธุรกิจ

ที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุ พิจารณารายโรงพยาบาล โดยคาดว่า BDMS เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง14% จากไตรมาสก่อนหน้า และ CHG เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 9% จากไตรมาสก่อนหน้า จะมีกำไรเติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเด่นกว่ากลุ่มฯ จากการใช้บริการเพิ่มขึ้นทั้งชาวไทยและต่างชาติ ประกอบกับ BDMS มีกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่กระจายตัว และมีสัดส่วนคูเวตน้อย (0.4% ของรายได้ไตรมาส 1/2567) ทำให้คาดว่าจะมีผลกระทบน้อยกว่า BH 3% ของรายได้ไตรมาส 2/2567

ส่วน CHG มีอานิสงส์ไตรมาส 2/2566 มีฐานต่ำจากผลกระทบเปิดโรงพยาบาลจุฬารัตน์ แม่สอด ส่งผลให้มีต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกว่าการเติบโตของรายได้ รวมทั้งมีผลกระทบคูเวตไม่มาก (สัดส่วนน้อยกว่า 1%)

อย่างไรก็ตาม หากกำไรสุทธิไตรมาส 2/2567 เป็นไปตามที่คาดจะทำให้กำไรสุทธิรวมครึ่งแรกของปี 2567 ของกลุ่มฯ คิดเป็น 49% ของกำไรสุทธิปี 2567

ทั้งนี้ทางฝ่ายนักวิเคราะห์เริ่มเห็น upside ราว 8% ของกำไรสุทธิปี 2567 สำหรับ BH จากการบริหารต้นทุนได้ดี ทำให้อัตรากำ ไรมีแนวโน้มดีกว่าคาด ส่วน BCH อาจมี downside ราว 7% ของกำไรสุทธิปี 2567 จากผลกระทบคูเวต และจำนวนผู้ประกันใหม่เพิ่มค่อนข้างน้อยในไตรมาส 1/2567 จำนวนผู้ประกันตนใหม่คิดเป็น 13% ของเป้าหมายปีนี้ที่ 4 หมื่นราย)

สำหรับประเด็นแผ่นดินไหวเกาะสมุย ยังไม่มีผลกระทบกับการให้บริการของโรงพยาบาลกรุงเทพสมุย (57 เตียง) โดยโรงพยาบาลกรุงเทพ สมุย มีสัดส่วนรายได้ราว 1% ของรายได้รักษาพยาบาลรวมของ BDMS

ส่วนประเด็นอุบัติเหตุพนักงานรับฝากรถยนต์ในโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ขับรถพุ่งชนกระจกอาคาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล มองเป็น sentiment ลบจากกังวลความปลอดภัย และความบกพร่องของการจัดระบบจราจรในโรงพยาบาล

โดยยังคงน้ำหนักลงทุน Bullish สำหรับกลุ่มการแพทย์ เนื่องจากมีโอกาสเติบโตตามการขยายตัวของตลาดประกันสุขภาพ และได้ประโยชน์จากการเพิ่มสิทธิประโยชน์รักษาโรครุนแรงของประกันสังคม รวมถึงสปสช. อีกทั้งมีโอกาสขยายฐานลูกค้าต่างชาติใหม่ โดยเฉพาะประเทศซาอุดิอาระเบีย

รวมทั้งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) นอกจากนี้ Valuation ของกลุ่มฯ ซื้อขายค่า PE ปี 2567 เฉลี่ยที่ 38 เท่า ต่ำลงจากปี 2566 ที่ซื้อขาย PE เฉลี่ย 46 เท่า สำหรับหุ้นเด่นเลือก BDMS โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 37 บาท คู่กับ CHG แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.70 บาท

Back to top button