“ดาวโจนส์” ปิดร่วง 115 จุด จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
“ดาวโจนส์” ปิดร่วง 115 จุด ท่ามกลางการซื้อขายผันผวน ตลาดจับตาข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินช่วงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (3 มิ.ย.67) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากตลาดเผชิญเหตุขัดข้องทางเทคนิคซึ่งส่งผลให้ต้องระงับการซื้อขายหุ้นจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ ขณะเดียวกันนักลงทุนประเมินรายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่ชะลอตัวลงในเดือนพ.ค.และรอดูข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินช่วงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,571.03 จุด ลดลง 115.29 จุด หรือ -0.30%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,283.40 จุด เพิ่มขึ้น 5.89 จุด หรือ +0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,828.67 จุด เพิ่มขึ้น 93.65 จุด หรือ +0.56%
ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ประสบปัญหาขัดข้องทางเทคนิคเมื่อคืนนี้ ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้น A-class ของบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) และหุ้นของบริษัทบาร์ริค โกลด์ (Barrick Gold) ร่วงลงอย่างหนักในระหว่างวัน นอกจากนี้ หุ้นอย่างน้อย 60 ตัวที่จดทะเบียนในตลาด NYSE ได้ถูกระงับการซื้อขายในช่วงเวลาสั้น ๆ เนื่องจากราคาหุ้นมีความผันผวน ก่อนที่ทางตลาดจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้และเริ่มกลับมาดำเนินการซื้อขายตามปกติในเวลาต่อมา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในช่วงแรกนั้น ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ร่วงลง ก่อนที่ดัชนีทั้งสองจะลดช่วงลบและปิดตลาดในแดนบวก ส่วนดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวลง โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุด และหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงมากที่สุด
ด้านนักลงทุนในตลาดได้ประเมินข้อมูลที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมในภาคการผลิตของสหรัฐชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ และเครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 59% ที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 53% ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิต
ทั้งนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.7 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 49.2 ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 49.6 โดยดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว
ขณะที่ คีธ เลอร์เนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนจากบริษัท Truist Advisory Services กล่าวว่า นักลงทุนมีท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ระหว่างข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยนักลงทุนต่างก็รอดูข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวรวมถึงดัชนีภาคบริการเดือนพ.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.
หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) พุ่งขึ้น 4.9% หลังจากนายเจนเซน หวง ซีอีโอของอินวิเดียเปิดเผยว่าบริษัทจะเปิดตัวแพลตฟอร์มชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รุ่นต่อไปที่มีชื่อว่า รูบิน (Rubin) ในปี 2569