MAGURO เทรดวันนี้! ลุ้นวิ่งชนเป้า 25 บาท ชูพื้นฐานแกร่ง โอกาสโตสูง
MAGURO ลงสนามเทรด mai วันนี้ ลุ้นวิ่งชนเป้า 25 บาท ระดมทุน 540 ล้านบาท นำเงินขยายสาขาร้านอาหารญี่ปุ่น เพิ่มโอกาสการเติบโตสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 พ.ค.67) หลักทรัพย์ บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เตรียมเข้าจดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก ในหมวดธุรกิจ เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (AGRO) โดยมีบริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ MAGURO เสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวนไม่เกิน 34,060,200 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 27.03 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ ในราคาเสนอขาย 15.90 บาทต่อหุ้น มูลค่าการเสนอขาย 541,557,180 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (Par) ที่ 0.50 บาทต่อหุ้น
นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง MAGURO เปิดเผยว่า การเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ นับเป็นอีกก้าวสำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน และพร้อมขยายการเติบโต ต่อยอดธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยภายหลังการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจ ด้วยการเปิดสาขาใหม่ในปี 67 ไม่น้อยกว่า 11 สาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งปรับปรุงสาขาเดิมและครัวกลาง ตลอดจนระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และรองรับการขยายตัวของจำนวนสาขาของบริษัทฯ ในอนาคต รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ ขยายกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ผมมั่นใจว่าเราจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากนักลงทุน ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ โดยในแง่ของการเป็นผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น-เกาหลี เราได้รับการยอมรับจากลูกค้ามายาวนานกว่า 9 ปี ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่อจากนี้บริษัทฯ จะเดินหน้าพัฒนาธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค ภายใต้ปรัชญา ‘การให้มากกว่าที่ขอ หรือ Give More’ ที่ได้ยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกับลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนผู้ถือหุ้น และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เพื่อสร้างธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน สามารถต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนในระยะยาว” นายเอกฤกษ์ กล่าว
ด้าน นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ เปิดเผยว่า ในการเสนอขายหุ้นสามัญ ของ MAGURO จำนวนไม่เกิน 34,060,200 หุ้น ระหว่างวันที่ 28-30 พ.ค. 67 มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก
อีกทั้งยังมีนักลงทุนสถาบัน 3 ราย ซึ่งมีความสนใจในหุ้นของ MAGURO และได้ติดต่อผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 4 ท่าน เพื่อซื้อหุ้นในส่วนที่เหลือจากการติด Silent Period รวมจำนวน 5.61 ล้านหุ้น ในราคาเดียวกับราคาที่เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป โดยจะดำเนินการซื้อ-ขายผ่านกระดาน Big Lot ในช่วงเปิดตลาดการซื้อขายวันแรก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ MAGURO ได้เป็นอย่างดี และการกำหนดราคา IPO ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 15.90 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม
โดยบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำรวม 6 บริษัทหลักทรัพย์ ที่จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ให้มูลค่าเป้าหมายของ MAGURO ปี 2567 อยู่ที่ 21.40-25.00 บาท
อีกทั้งเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนในการเข้ามาซื้อขาย นักลงทุนสถาบันทั้ง 3 ราย ร่วมกับ Holistic Impact Pte. Ltd ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมที่ยังคงถือหุ้นในบริษัทฯ ยังได้ทำข้อตกลงไม่จำหน่ายหุ้นที่ตนถืออยู่เป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นเมื่อนับรวมกับหุ้นที่ถูกติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะมีหุ้นที่ถูกห้ามขายรวมเป็นจำนวนกว่าร้อยละ 72.97 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ
นายจิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยถึงความเชื่อมั่นว่า MAGURO จะเป็นหุ้นน้องใหม่ในตลาดฯ mai ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากเป็นบริษัทฯ ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งทั้งทางด้านการเติบโตและฐานะทางการเงิน จากการบริหารธุรกิจด้วยความเชี่ยวชาญและมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า อีกทั้งไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ทำให้สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้เป็นอย่างดีในอนาคต
สำหรับ MAGURO ประกอบธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม-แมส (Premium Mass) ภายใต้ปรัชญา “การให้มากกว่าที่ขอ (Give More)” โดยวันที่ 30 เม.ย.67 มีร้านอาหารภายในเครือทั้งหมด 3 แบรนด์ รวมจำนวน 27 สาขา ได้แก่ 1.ร้านซูชิและอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยม “MAGURO” จำนวน 14 สาขา
2.ร้านปิ้งย่างเกาหลีพรีเมียม “SSAMTHING TOGETHER” (ซัมติง ทูเก็ทเตอร์) จำนวน 6 สาขา และ 3.ร้านอาหารชาบูและสุกี้ยากี้สไตล์ญี่ปุ่นแบบต้นตำหรับ “HITORI SHABU” (ฮิโตริ ชาบู) จำนวน 7 สาขา ครอบคลุมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อีกทั้ง ยังมีธุรกิจรับจัดเลี้ยง ในรูปแบบของ Event Catering และ Office Lunchbox และมีบริการจัดส่งอาหารโดยตรง ภายใต้ชื่อ “MAGURO GO”
ด้านผลการดำเนินงานในปี 66 มีรายได้รวม 1,045.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.06% และมีกำไร 72.48 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 131.12% จากปีก่อนหน้า โดยมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองต่างๆ