KJL ส่งซิก Q2 สดใส! รับออเดอร์สินค้าพุ่ง ดันรายได้ปีนี้แตะ 1.2 พันล้านบาท

KJL ส่งซิกไตรมาส 2/67 โตต่อเนื่อง รับออเดอร์สินค้าพุ่ง ดันรายได้ปีนี้แตะ 1.2 พันล้านบาท โต 10-15% พร้อมวางงบลงทุน 3 ปี วงเงิน 430 ล้านบาท ขยายกำลังผลิตสินค้าแตะ 40 ล้านชิ้นปี 68 หวังดันธุรกิจเติบโตยั่งยืน ตามกลยุทธ์ KJL DOUBLE & SYNERGY GROWTH


นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 4 มิ.ย.67 ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 34.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.88% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 33.65 ล้านบาท

โดยเป็นผลมาจากบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 284.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 240.75 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้ามาตรฐานเคเจแอลลโดยคิดเป็นร้อยละ 71.57 ของรายได้จากการขายในไตรมาส 1/67 ซึ่งประกอบด้วย การขายสินค้าตู้สวิทซ์บอร์ด รางเดินสายไฟ และกล่องพลบ๊อกซ์เป็นหลัก และสินค้าใหม่ที่เปิดตัวในปี 66 และต้นปี 67 ที่ผ่านมาช่วยหนุน

“ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 คาดเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/67 ตามออเดอร์ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) จำนวน 500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 1-2 ปี 67 ส่วนแนวโน้มธุรกิจทั้งปี 67 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวม 1,200 ล้านบาท เติบโต 10-15% จากในปี 66”  นายเกษมสันต์ กล่าว

นายเกษมสันต์ กล่าวอีกว่า แผนการเติบโตในปีนี้ยังเน้นการเติบโตแบบ Organic Growth และ Inorganic Growth  โดย Organic Growth จะเน้นการการขยายการผลิตเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นการปลดล็อคข้อจำกัดในการผลิตจากที่ผ่านมาได้อย่างมาก รวมทั้งการออกสินค้าใหม่ ทั้งสินค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมเราเองและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องที่สร้างการเติบโต รวมทั้งการได้เซ็นสัญญากับ “ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” (Schneider Electric) ที่แต่งตั้งให้ KJL เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ผ่านมาช่วยหนุน ส่วนแผนการเติบโตแบบInorganic Growth บริษัทยังมองหาพันธมิตรใหม่ๆ(M&A) เข้ามาช่วยสร้าง “สร้างซินเนอร์ยี่” ทางธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะย้ายเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปี 70

ทั้งนี้บริษัทมีแผนดำเนินธุรกิจ 5 ปี ระหว่าง (ปี 67-71) ภายใต้แนวคิด KJL DOUBLE & SYNERGY GROWTH ซึ่งประกอบด้วยกลยุทธ์ประกอบด้วย 1.KJL NOW+KJL Logistics Service , 2.KJL BRAND+ World-Class Partnership, 3. KJL NETWORK Authorized Dealer (Tier1&2) + KJL NETWORK Electrical Experts (Tier 3) ผสมผสานไม่ว่าจะเป็นช่างไฟ ผู้รับเหมารายย่อย, 4. KJL INNOVATION MASTER+ KJL Sustainable Growth (ESG-Driven)

โดยกลยุทธ์ KJL NETWORK Authorized Dealer (Tier1&2) + KJL NETWORK Electrical Experts(Tier 3) บริษัทใช้กลยุทธ์ Push + Pull Strategy เป็นการผสมผสานเพื่อให้เกิด B2B2C เพื่อสร้างฐานที่แข็งแรงทำให้พันธมิตร พาร์ทเนอร์ขายสินค้าได้ดียิ่งขึ้นและกระจายสินค้าให้ครอบคลุมตลาดทั่วประเทศ โดยตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ปลายปี 2565 บริษัทมีตัวแทนจำหน่ายจากทั้งหมด 400 ร้านค้า และปี 2566 อยู่ที่ 800 ร้านค้า และปี 2567 ตั้งเป้าอยู่ที่ 1,000 ร้านค้า

ส่วนกลยุทธ์ Network Electrical Experts (Tier 3) ผู้เชี่ยวชาญงานด้านไฟฟ้า ประกอบด้วย ช่างไฟ วิศวกรไฟฟ้า ผู้รับเหมางานระบบ ผู้รับเหมารายย่อย จากที่ก่อนเข้าตลาดผ่านไป 1 ปี ล่าสุดเพิ่มเป็น 5,000 ราย ส่วนปีนี้ตั้งเป้าโต 1 เท่าตัว ที่ระดับ 10,000 ราย โดยบริษัทที่มีการจัดทำคู่มือช่างไฟ การติดตั้งระบบไฟฟ้าแจก สำหรับผู้ที่สนใจ รวมไปถึงการจัดสัมมนาอย่างต่อเนื่อง ให้กับช่างไฟ วิศวกรไฟฟ้าทั่วประเทศ ส่วนปีนี้จัดสัมมนาที่จังหวัดชลบุรี,หาดใหญ่,อุดรธานี และปีนี้ตั้งเป้าจัดสัมมนา 10 จังหวัด

ด้านกลยุทธ์ KJL INNOVATION MASTER มีแผนขยายกำลังเพิ่มกำลังผลิตต่อเนื่องจากสิ้นปี 66 อยู่ที่ 30 ล้านชิ้นต่อปี ให้แตะ 40 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 68 โดยบริษัทวางงบลงทุนราว 430 ล้านบาท ในช่วงปี 67-69 ส่วนความคืบหน้าของ KJL Innovation Campus (Kin) คาดก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 4/68 เพื่อสร้าง New S-Curve

Company Snapshot

Back to top button