CFARM เทรดวันแรก! โบรกชี้กำไร 3 ปี โตเฉลี่ย 25% เคาะเป้าสูง 1.64 บาท

CFARM ลงสนามเทรดวันแรก! โบรกคาดกำไรปี 67-69 เติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ 24.7% เนื่องจากประสิทธิภาพการเลี้ยงคาดจะสูงขึ้น และคาดอัตราการเลี้ยงรอดสูงขึ้น โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 1.48-.1.64 บาทต่อหุ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (5 มิ.ย.67) ว่า หลักทรัพย์ บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ได้เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรม เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร

สำหรับ CFARM มีทุนชำระแล้วหลังเสนอขาย 580 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 431 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 149 ล้านหุ้น โดยเป็นการเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จำนวน 111.75 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 22.35 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน 14.9 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 27-29 พฤษภาคม 2567 ในราคาหุ้นละ 1.35 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย IPO อยู่ที่ 201.15 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 783 ล้านบาท

ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E Ratio) เท่ากับ 26.18 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.05 บาท โดยมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน  บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม

สำหรับ CFARM ดำเนินธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ ประเภทฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อให้กับคู่สัญญาชั้นนำในประเทศไทยในรูปแบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา เลี้ยงไก่เนื้อในโรงเรือนด้วยระบบปิดปรับอากาศ (Evaporative Cooling System : EVAP) โดยคู่สัญญาเป็นผู้จัดหาลูกไก่ อาหารและเวชภัณฑ์

ส่วนบริษัทเป็นผู้เลี้ยงไก่เนื้อให้ได้น้ำหนักและคุณภาพที่กำหนดและขายกลับยังคู่สัญญา ซึ่งได้แก่ เบทาโกร ซีพีเอฟ ซันฟู้ด พนัสโพลทรี่ สหฟาร์ม และแหลมทอง เป็นต้น บริษัทมีฟาร์มเลี้ยงไก่ จำนวน 8 ฟาร์ม 121 โรงเรือน ตั้งอยู่ใน 4 อำเภอ เขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งบริษัทลงทุนโรงเรือนและอุปกรณ์การเลี้ยงตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์ รองรับการเลี้ยงไก่เนื้อประมาณ 3.18 ล้านตัวต่อรอบการเลี้ยง หรือ 15.88 ล้านตัวต่อปี โดยในไตรมาสแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการเลี้ยงไก่เนื้อตามพันธสัญญาร้อยละ 94 ส่วนที่เหลือร้อยละ 6  เป็นรายได้จากการจำหน่ายผลพลอยได้และรายได้อื่น

ด้าน นายชูรัตน์ จึงธนสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ CFARM เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายเป็นผู้เลี้ยงไก่เนื้อ ที่มีคุณภาพ และมาตรฐานสากล ด้วยทีมผู้บริหารและบุคลากรที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี จึงมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปก่อสร้างฟาร์ม ปรับปรุงโรงเรือน ลงทุนระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ปรบปรุงระบบงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิต นำไปคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินบางส่วน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้ CFARM มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มครอบครัวนายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ถือหุ้นร้อยละ 74.31 ส่วนที่เหลือเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป ร้อยละ 25.69 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิของงบการเงินบริษัทภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมาย

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า คาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% จากปีก่อน เนื่องจากประสิทธิภาพการเลี้ยงที่คาดจะสูงขึ้น และคาดอัตราการเลี้ยงรอดสูงขึ้นเป็น 95.5% จาก 94.2% ในปี 66 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยหนุนให้ปริมาณขายของบริษัทสูงขึ้น รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นคาดดีขึ้นเป็น 30.1% ตามประสิทธิภาพการเลี้ยงที่ดีขึ้นชดเชยค่าใช้จ่าย (SG&A) ที่คาดจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนไอพีโอได้ ซึ่งประเมินกำไรสุทธิปี 68 จะเติบโตได้ต่อเนื่องคาดอยู่ที่ 61 ล้านบาท ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 1.64 บาท

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า CFARM เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจฟาร์มไก่พันธะสัญญา โดยมีจุดแข็ง Business model ที่เป็น Non-commodity ทำให้บริษัทไม่ต้องรับความเสี่ยงราคาขายและราคาวัตถุดิบที่ผันผวน โดย CFARM มีพันธมิตรชั้นนำทั้ง CPF, BTG และ Sun Food ซึ่งจะช่วยรองรับการขยายธุรกิจของ CFARM ให้สามารถเติบโตไปกับอุตสาหกรรม โดยคาดการณ์กำไรปี 67-69 เติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ 24.7% ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 1.57 บาท อิง Forward PE ปีนี้ที่ 20 เท่า

บล.บียอนด์ ระบุว่า รูปแบบธุรกิจ CFARM มีความใกล้เคียงกับกลุ่มค้าปลีกและค้าส่งไทยมากกว่ากลุ่มผู้ผลิตไก่เนื้อ กำหนดราคาเป้าหมายไว้ที่ 1.50 บาท โดยอิงจำก P/E ปี 68 ที่ 27 เท่า โดยให้มีส่วนเกินหรือพรีเมียมสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มผู้ผลิตไก่เนื้อและปลาทูน่าของไทยที่ 14 เท่า และสูงกว่าค่าเฉลี่ย 22 เท่าของกลุ่มค้าปลีกและค้าส่งไทยเล็กน้อย

ขณะที่ CFARM ดำเนินธุรกิจรับจ้างเลี้ยงไก่เนื้อ แต่รูปแบบธุรกิจกลับมีความเสี่ยงต่ำ การเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่ง โดยความผันผวนน้อยกว่าผู้ผลิตไก่เนื้อของไทย เนื่องจาก 1) CFARM มีอัตรากำไรสุทธิสูงกว่ากลุ่มพาณิชย์ไทย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT, บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC และ 2) EPS จะเติบโต 37.10-40.50% ในปี 66-68 เทียบกับ 11.70-25.50% โดยให้ราคาเป้าหมาย 1.50 บาท

นอกจากนี้ บล.ฟิลลิป ประเมินว่าปัจจุบัน CFARM มีกำลังผลิต 15.88 ล้านตัวต่อปี ซึ่งบริษัทจะนำเงินจากการ IPO เพิ่มจำนวนฟาร์มใหญ่อีก 2 ฟาร์ม จะทำให้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นราว 5.17% จากกำลังผลิตเดิม คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/68 เป็นต้นไป ให้ราคาเป้าหมาย 1.48 บาท

ส่วน บล.ไอร่า ประเมินราคาเป้าหมาย 1.48 บาท และ บล.ทรีนีตี้ ให้ราคาเป้าหมาย 1.50 บาท

Back to top button