โบรกมองแผน PDP ฉบับใหม่ ดันกำลังผลิตกลุ่ม “โรงไฟฟ้า” เพิ่ม! ชู CKP ท็อปพิก เป้า 4.50 บาท

โบรกมองแผน PDP ฉบับใหม่ ดันกำลังผลิตกลุ่มโรงไฟฟ้าเพิ่ม ชู CKP ท็อปพิก! ลุ้นไตรมาส 2/67 มีแนวโน้มพลิกกลับมาเป็นกำไรจากการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของ NN2-XPCL และอานิสงส์จาก La Nina โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.5 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุในบทวิเคราะห์ว่าในวันนี้มีการประชุม public hearing แผน PDP ในปี 2567 โดยในแผนระบุกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนใหม่ แบ่งเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ มีกำลังผลิตอยู่ที่ 24 กิกะวัตต์ และพลังงานลม มีกำลังผลิตอยู่ที่ 5.3 กิกะวัตต์, พลังงานมวลชีวภาพ มีกำลังผลิตอยู่ที่ 1 กิกะวัตต์, ก๊าซชีวภาพ มีกำลังผลิตที่ 0.9 กิกะวัตต์ ในช่วงปี 2567-2580 อย่างไรก็ตามการกำลังผลิตส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2574 เป็นต้นไป

ส่วนของกำลังการผลิต conventional ยังคงมีกำลังการผลิตใหม่ 6.3 กิกะวัตต์ แต่เป็นโรงไฟฟ้าของ EGAT เท่านั้น และมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบโมดูล (Small Module Reactor) มีกำลังผลิตอยู่ที่ 600 เมกะวัตต์ ( 2 ยูนิต x 300 เมกะวัตต์) ในปี 2580 ด้วย

ทั้งนี้ ทางฝ่ายนักวิเคราะห์มีมุมเป็นกลางต่อแผน PDP ดังกล่าว เนื่องจากกำลังการผลิตใหม่จะเริ่มขึ้นส่วนใหญ่ในปี 2574 จึงไม่มีความจำเป็นต้องรีบเปิดประมูล และผลตอบแทนโครงการ Renewable มีแนวโน้มลดลงในระยะยาว

ส่วนในระยะสั้นจะมีการประมูลพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 มีกำลังผลิต 3.7 กิกะวัตต์อีกครั้งในช่วงไตรมาส 4/2567 ไปจนถึงไตรมาส 1/2568 หากศาลปกครองมีคำตัดสินคดีพลังงานลมเสร็จสิ้นแล้ว

สำหรับการเติบโตในอนาคตของ Operator จะมุ่งเน้นในธุรกิจ Solar Rooftop ในประเทศ และแสวงหาโอกาสการลงทุนต่างประเทศมากขึ้น

ดังนั้น ทางฝ่ายนักวิเคราะห์ยังคงชอบ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.50 บาทเป็น top pick ของกลุ่มเนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มพลิกกลับมาเป็นกำไรจากการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของ NN2 และ XPCL และอานิสงส์จาก La Nina ที่จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงไตรมาส 3/2567 เป็นต้นไป ซึ่งทำให้กำไรเปลี่ยนเป็นวัฎจักรขาขึ้นอีกครั้งตั้งแต่ปี 2567-2568

Back to top button