DRT มุ่งรักษาอัตรากำไรขั้นต้น ลุยขยายตลาดลูกค้าเอเย่นต์-อสังหาฯ
DRT โชว์ศักยภาพการดำเนินธุรกิจบริหารความเสี่ยงจากตลาดวัสดุก่อสร้างชะลอตัวตามภาคอสังหาฯ และกำลังซื้อผู้บริโภคหดตัว ชูจุดเด่นมีความพร้อมด้านสินค้าและแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มุ่งโฟกัสอัตรากำไรขั้นต้นที่ 25-27% และรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรให้ได้ตามแผน รับแผนกลยุทธ์เชิงรุกลุยตลาดเอเย่นต์และลูกค้าโครงการอสังหาฯ ในภูมิภาค และตลาดต่างประเทศเพิ่มเติม
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา ไม้บันได SPC-FC ร้านกาแฟสำเร็จรูป (DIAMOND Cafe) และบริการติดตั้งโครงหลังคาและกระเบื้องหลังคา ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ตราเพชร” เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในไตรมาส 2/2567 คาดว่าจะชะลอตัวลงตามตลาดอสังหาริมทรัพย์จากเศรษฐกิจของประเทศที่เติบโตไม่เต็มศักยภาพ และมีปัจจัยลบจากภาระหนี้ครัวเรือนสูง สถาบันการเงินปฏิเสธการให้สินเชื่อแก่ผู้ซื้อบ้าน
ดังนั้นจึงส่งผลให้ภาพรวมยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่ามีแนวโน้มลดลงเช่นเดียวกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้บริษัทฯ ต้องปรับตัวเพื่อบริหารความเสี่ยงเพื่อผลักดันแผนการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายและตอกย้ำการเป็นหุ้นปันผลที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่มีข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันด้านสินค้าที่มีความหลากหลายภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ ที่ผู้บริโภคให้การยอมรับ การทำกิจกรรมทางการตลาด และความพร้อมด้านฐานการผลิตหลังขยายกำลังการผลิตกระเบื้องหลังคาคอนกรีตและโครงทรัสต์ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าผ่านช่องทางขายทั้ง 4 ช่องทาง
โดยจะเร่งทำตลาดผ่านการนำเสนอสินค้าคู่บริการในรูปแบบ Solution และสร้างการรับรู้ถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่หันมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย รวมถึงการขยายฐานลูกค้าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่น เพื่อเพิ่มปริมาณการขายสินค้าในระหว่างที่รอผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่กลับมาพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
ขณะเดียวกัน DRT จะเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าจากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยจะเร่งขยายตลาดใน สปป.ลาว เวียดนามและฟิลิปปินส์ ซึ่งมีศักยภาพเติบโตและมีความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างตามการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยในเวียดนามนั้น บริษัทฯ ได้ขยายตลาดจากเมืองโฮจิมินห์ไปยังเมืองดานัง ขณะที่ช่องทางขายผ่านห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ เชื่อว่าจะยังเติบโตได้ตามการเปิดสาขาใหม่ๆ ของลูกค้า
“ช่วงครึ่งปีแรกเป็นความท้าทายที่ต้องบริหารจัดการเพื่อเอาชนะปัจจัยลบ ซึ่งเรามีความพร้อมด้านสินค้าและ
แบรนด์ที่แข็งแกร่ง ช่องทางขายครอบคลุมและฐานการผลิตที่ต้องการรักษาอัตราการใช้เครื่องจักรให้เป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้สามารถบริหารความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดไม่เอื้อ และสร้างโอกาสการขายสินค้าให้มากขึ้นในช่วงที่ตลาดฟื้นตัว โดยเชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้” นายสาธิต กล่าว