“กรภัทร” แนะตั้งรับช่วง SET ผันผวน ชู GULF-TOP-KLINIQ เด่น
“กรภัทร วรเชษฐ์” แนะตั้งรับช่วง SET ผันผวนรอการเมืองชัดเจน ให้แนวต้าน 1,225-1,330 จุด ส่วนแนวรับ 1,313 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนเน้นตั้งรับ ชู GULF- TOP-KLINIQ เด่น
นายกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS กล่าวในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (13 มิ.ย.67) ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยภายหลังการประชุมเฟดคงอัตราคงอัตราดอกเบี้ยฯที่ 5.25-5.50% โดมองผลการประชุมเป็น Neutral Hold คือเป็นไปตามที่ตลาดคาด ขณะที่ Dot Plot ของการลดดอกเบี้ยปีนี้ลดจาก 3 เหลือ 1 ครั้ง และปีหน้าเพิ่มจาก 3 เป็น 4 ครั้ง
อย่างไรก็ตามหากไปมองภาพการประชุมคณะกรรมการจะเห็นว่ามีการลดดอกเบี้ย 1 หรือ 2 ครั้งค่อนข้างสูสีมาก (โดยมองลด 2 ครั้งมีถึง 8 คน) และปี 68 คาดลดดอกเบี้ยเป็น 4 ครั้ง ดีขึ้นจากคาดการณ์รอบก่อนที่คาดจะลด 3 ครั้ง ดังนั้นจึงเป็นมุมมองที่ไม่ได้แย่กว่าตลาดแต่ดีกว่าตลาดคาด เพราะถ้าเริ่มปรับลดดอกเบี้ยจะเห็นว่าลดลงต่อเนื่อง
อีกทั้งบอนด์ยีลด์สหรัฐปรับลงเนื่องจากเงินเฟ้อต่ำกว่าตลาดคาด ทำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดคุมเงินเฟ้อได้แล้ว ตรงนี้ส่งผลให้ภาพรวมสินทรัพย์เสี่ยงเป็นบวก
ส่วนตลาดหุ้นไทยมีมุมมองที่ดีสำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยคงเป้าเศรษฐกิจเติบโตอยู่ที่ 2.6% ซึ่งแตกต่างกับทุกสำนักวิจัยหลังไตรมาส 1 ออกมาต่างตามปรับตัวลงหมดเลย โดยแบงก์ชาติมีมุมมองโดยเห็นโครงสร้างเศรษฐกิจ ทั้งการส่งออกเริ่มดีขึ้น การเบิกจ่ายภาครัฐทำได้ดีขึ้น และมองว่าประเด็นการเมืองยังไม่มีจุดพลิกผันที่มีนัยยะต่อการเร่งเบิกจากงบประมาณ ทำให้ตลาดน่าจะตอบรับในเชิงบวก แต่ต้องยอมรับประเด็นเรื่องการเมืองยังเป็นตัวจำกัดอัพไซด์เพราะฉะนั้น SET มีโอกาสฟื้นได้แต่ฟื้นจำกัด โดยให้แนวต้านอยู่ที่ 1,225-1,330 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,313 จุด
อย่างไรก็ตามมีมุมมองโอกาสที่ กนง.จะปรับลดลงดอกเบี้ยปีนี้ได้เนื่องจากผลประชุม กนง. วานนี้มีมติ 6:1 คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% โดยมี 1 ท่าน มองลดดอกเบี้ยจึงมองว่ามีโอกาสที่จะมีการปรับลดดอกเบี้ยแต่ไม่มาก ประกอบกับมีปัจจัยในเรื่องของราคาน้ำมันดูไบปีนี้อยู่ที่ 84 เหรียญต่อบาร์เรล แบงก์ชาติมองว่าน้ำมันจะเร่งตัวขึ้นอีกตรงนี้จะเป็นดาวไซด์เงินเฟ้อก็อาจเป็นปัจจัยให้ปรับลดดอกเบี้ยลงได้
สำหรับกลยุทธ์ของทุนระยะสั้นระยะกลาง ต้องยอมรับหลายๆภาคส่วนมีการปรับตัวขึ้น ทั้งส่งออกฟื้นตัว แต่ต้องยอมรับว่าตลาดรอในเรื่องของการเมืองชัดเจน หากไม่ได้มีอะไรที่ทำให้สะดุดไปมากเชื่อว่าตลาดจะฟื้นตัวขึ้นได้ โดยกลยุทธ์ลงทุนเน้นตั้งรับ ได้แก่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มองได้ประโยชน์ยีลด์ปรับตัวลงและค่าเงินบาทแข็งค่า อีกทั้งมีประเด็นแผน PDP2024 หนุน แนะนำซื้อ 45.50 บาท และหุ้นโรงกลั่นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP แนะนำราคา 78.00 บาท และหุ้นกระแสความงาม บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ แนะนำราคาเป้าหมาย 49.00 บาท
ขณะที่หุ้นกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษาคดีรถไฟฟ้าสีส้มยืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง เปิดทางโครงการเดินหน้าต่อมองเป็นบวกต่อ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ยังคงแนะนำซื้อ 9.50 บาท
ส่วนทางกลับกัน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS คาดว่าจะไม่ได้รับปัจจัยลบทางด้านนี้มากนัก เนื่องจากตอบรับประเด็นลบไปมากแล้ว โดยมองราคาหุ้นต่ำกว่า 5 บาทเป็นโอกาสซื้อลงทุน และภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมาให้ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท