โบรกชี้ “กลุ่มโรงพยาบาล” พีกสุดไตรมาส 3 ยก BDMS-BCH ท็อปพิก

“บล.เคจีไอ” มองผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาลพีกสุดช่วงไตรมาส 3 รับปัจจัยฤดูกาล พร้อมยก BDMS-BCH ขึ้นเป็นหุ้นเด่น ให้ราคาเป้าหมาย BDMS ที่ 37.50 บาท และ BCH ที่ 26 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล โดยมองว่าตามปกติแล้วผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 มักจะแผ่วลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม มองว่าผลประกอบการอาจจะยังดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก 1.หลายโรงพยาบาลมีจำนวนสมาชิกประกันสังคม (SSO) เพิ่มขึ้นในปีนี้ 2.ผู้ป่วยมี intensity สูงขึ้น และ 3.หลายโรงพยาบาลมีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติสูง (ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น)

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/67 จะเป็นเช่นเดียวกับในไตรมาส 1 เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลประกอบการมักจะชะลอตัวตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผลประกอบการของโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะยังดีขึ้นจากปีก่อน โดยประเด็นสำคัญที่น่าสนใจได้แก่ 1.โมเมนตัมบวกจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่ลงทะเบียนให้บริการประกันสังคม (ไม่รวมการปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัวของ SSO ที่ 10.20% จากปีก่อนตั้งแต่เดือนพ.ค.66

2.จำนวนผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3.ผู้ป่วยมี intensity สูงขึ้น 4.การประหยัดต่อขนาดของโรงพยาบาลที่มีฐานผู้ป่วยขนาดใหญ่ และ 5.คุมค่าใช้จ่าย SG&A ได้ดี

ขณะที่เมื่อมองไปข้างหน้า คาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มโรงพยาบาลจะออกมาน่าประทับใจในไตรมาส 3 ซึ่งตามปกติแล้วจะเป็นช่วงพีกตามฤดูกาลของทุกปี โดยมองว่าโรงพยาบาลใหญ่จะได้อานิสงส์จาก 1.การกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติ และ 2.จำนวนผู้ป่วยไทยเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงที่เปลี่ยนจากฤดูร้อนเป็นฤดูฝน

ส่วนโรงพยาบาลขนาดเล็กคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ป่วยไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากผลของปัจจัยฤดูกาล นอกจากนี้การที่ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสังคมสูงวัยจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้กำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

ทั้งนี้ ยังคงมองบวกกับฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง เพราะโรงพยาบาลผ่านช่วงที่ต้องลงทุนหนักสำหรับโครงการ greenfield และ brownfield ไปแล้วตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ดังนั้น จึงคาดว่า BCH, BDMS, BH, CHG และ EKH จะมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนต่ำ หรือมีสถานะเงินสดสุทธิ

อย่างไรก็ดี เมื่ออิงตามประมาณการกำไรของฝ่ายวิจัย คาดการณ์ว่า PE จะอยู่ในช่วง 25-38 เท่า ในการประเมินราคาเป้าหมายปี 67F ซึ่งสะท้อนถึงระดับ PE ที่ต่ำกว่าในอดีต (เคยสูงสุดที่กว่า 40 เท่า) คาดการณ์ว่าโรงพยาบาลส่วนใหญ่น่าจะยังรักษาสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งได้ในปีนี้ เพราะฝ่ายวิจัยไม่คิดว่าจะมีการลงทุนก้อนใหญ่เพื่อขยายกิจการ

ดังนั้นจึงมองว่าปี 67 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงพยาบาลออกมาน่าพอใจ โดยยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ Overweight และยังคงเลือก BDMS และ BCH เป็นหุ้นเด่น ประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 67 ที่ 37.50 บาท และ 26 บาท ตามลำดับ

Back to top button