“พพ.” เปิดรับฟังร่าง “AEDP-EEP” หนุนใช้พลังงานทดแทน 36% มุ่งเป้า Carbon Neutrality

กรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ เปิดเวทีรับฟังความเห็นร่าง-แผนปฏิบัติการด้านพลังงาน “AEDP-EEP” ใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น 36% ในปี 80 เดินหน้าสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality


ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ ( 18 มิถุนายน 2567) นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)เปิดเผยว่า พพ. ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกปี 2567–2580 (AEDP 2567) และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการอนุรักษ์พลังงานปี 2567 – 2580 (EEP 2567) โดยเปิดให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตลอดจนผู้ที่สนใจได้มีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็น ณ โรงแรมปรินซ์พาเลซ กรุงเทพฯ และผ่านระบบออนไลน์ โดยร่างแผน AEDP 2567 และ EEP 2567 เป็นไปตามนโยบายแผนพลังงานชาติ ผ่านการสนับสนุนส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ทั้งนี้แผน AEDP 2567 ได้ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือกตามศักยภาพที่มีอยู่ในประเทศด้วยเทคโนโลยีและราคาที่เหมาะสมควบคู่ไปกับการพิจารณาถึงความสอดคล้องกับทิศทางพลังงานโลกที่มุ่งใช้พลังงานสะอาด และการบรรลุสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ

โดย AEDP ฉบับนี้ กำหนดเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน รวมถึงพลังงานทางเลือกร้อยละ 36 ของการ ใช้พลังงานขั้นสุดท้าย ทั้งนี้ ณ ปี 2580 มีแนวทางการขับเคลื่อน อาทิ ส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน, ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนด้วยมาตรการทางภาษี, ส่งเสริมการบริหารจัดการจัดเก็บ และรวบรวมเชื้อเพลิงจากพลังงานทดแทนอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งเสริมการแปรรูปเชื้อเพลิงทดแทนเพื่อเป็นเชื้อเพลิงหลักหรือเชื้อเพลิงร่วม รวมถึงส่งเสริมการผลิตและใช้พลังงานรูปแบบใหม่ ได้แก่ เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนส่งเสริมผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียว เป็นต้น

โดยการส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทนฯ ตาม AEDP 2567 นี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศทั้งในมิติทาง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลได้ 20,000 ktoe (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ) เทียบเท่ามูลค่าการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลได้ไม่น้อยกว่า 400,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานได้ไม่น้อยกว่า 7,000 อัตรา พร้อมกับเกิดมูลค่าการลงทุนไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านบาท สามารถช่วยสร้างรายได้ทางการเกษตรจากการส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพได้ไม่น้อยกว่า 41,000 ล้านบาท/ปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคพลังงานได้ไม่น้อยกว่า 75 Mt-CO2 (ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า) ในปี 2580 เมื่อเทียบกับปี 2565

นอกจากนี้สำหรับร่างแผน EEP 2567 ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมจากแผน EEP 2561 โดยปรับเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงานลดความเข้มการใช้พลังงาน Energy Intensity เป็น 36% ในปี 2580 หรือคิดเป็นพลังงานที่คาดว่าจะลดได้ 35,497 ktoe (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ) คิดเป็นมูลค่า 532,455 ล้านบาท ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 106 Mt-CO2 (ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เลขที่ 17 ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 Tel. 0-2223-0021-9 ต่อ 1339 / เว็บไซต์ : www.dede.go.th / เฟซบุ๊ก : www.facebook.com/dedeofthailand

ทั้งนี้ได้กำหนดมาตรการที่สำคัญไว้อย่างรอบด้านและครอบคลุมทุกภาคส่วน ได้แก่ การกำกับดูแลตามกฎหมาย โรงงานและอาคารควบคุมเกณฑ์มาตรฐานอาคารด้านพลังงาน (Building Energy Code) การส่งเสริมมาตรฐานอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและฉลากเบอร์ 5 การส่งเสริมบ้านประหยัดพลังงาน รวมถึงการอนุรักษ์พลังงานในภาคเกษตรกรรม (Smart Farming) เพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในภาคขนส่ง พร้อมทั้งมีมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตไฟฟ้า ระบบโครงข่ายไฟฟ้า และการใช้ไฟฟ้า เป็นต้น

นอกเหนือจากนี้ พพ. จะได้รวบรวมข้อเสนอแนะและข้อมูลอันเป็นประโยชน์ เพื่อจัดทำร่างแผน AEDP 2567 และ EEP 2567 ที่สมบูรณ์และทุกภาคส่วนให้การยอมรับ โดยสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ทาง QR code ลงทะเบียนและช่องทางออนไลน์ของ พพ. ได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ทั้งนี้ พพ.ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นในเวทีฯ ครั้งนี้ ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกและการอนุรักษ์พลังงาน ที่จะนำไปใช้ให้ เกิดความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนต่อไป

Back to top button