การเมืองเริ่มคลี่คลาย! เน้นเก็บกลุ่ม “สาธารณูปโภค-ท่องเที่ยว-แบงก์เล็ก”

การเมืองเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของดัชนี SET ดังนั้น นักลงทุนควรเน้นไปที่หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง เน้นหุ้นกลุ่ม “สาธารณูปโภค-ท่องเที่ยว-แบงก์เล็กและการเงิน”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุไว้ว่า การเมืองไทยเริ่มคลี่คลายลงหลังคำตัดสินของศาล ล่าสุดถือเป็น sentiment บวก และควรเป็นแนวทางให้เกิดความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้นในอนาคต 1) อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดีมาตรา 112 (กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ) ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว

2) คดีการถูกตัดสิทธิ์ของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน จะถูกพิจารณาในวันที่ 10 กรกฎาคม ขณะนี้ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ต่อไปได้ ซึ่งมองว่าทั้งสองกรณีนี้เป็นพัฒนาการที่ดีเนื่องจากหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทันทีระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคที่มีความเกี่ยวข้องกับทหาร

3) การยุบพรรคก้าวไกล ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 3 กรกฎาคม แต่มองว่ากรณีนี้มีความสำคัญน้อยกว่า และสุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 107

จากประเด็นข้างต้น คาดว่าจะไม่กระทบต่อการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายกฯ เศรษฐา ยังคงได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ และจากการเยือนกรมบัญชีกลาง พบว่าการเบิกจ่ายงบประมาณคืบหน้าไปด้วยดี รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุการใช้จ่ายเงินสด 75% สำหรับงบประมาณปี 2567 เทียบกับ 40% ในปัจจุบัน การเบิกจ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท/สัปดาห์นับตั้งแต่ได้รับการอนุมัติงบประมาณ และหากรักษาอัตรานี้ไว้ เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้

ขณะที่ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดหากนายกฯ เศรษฐาถูกตัดสิทธิ์ ก็ไม่คาดว่าจะเกิดการหยุดชะงักในการเบิกจ่ายงบในปี 2567 และอาจจะเลื่อนการอนุมัติงบประมาณปี 2568 ออกไปเล็กน้อยเท่านั้น ตราบใดที่ไม่มีการยุบสภา ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้

ดังนั้นคาดว่าความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้นจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของดัชนี SET และปิดช่องว่างผลการดำเนินงานของ SET กับคู่แข่งในภูมิภาค ดังนั้น นักลงทุนควรเน้นไปที่หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งแต่ถูกลงโทษอย่างไม่ยุติธรรม

สำหรับเกณฑ์การคัดกรองหุ้นได้แก่ 1) ราคาย่อลงมากกว่า 5% ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. (2) มูลค่าการขายชอร์ตมากกว่า 15% (3) การเติบโตของกำไรต่อหุ้นเป็นบวก และ 4) การถือหุ้นของต่างชาติลดลงสุทธิ

อย่างไรก็ดีจากเกณฑ์ดังกล่าว คิดว่านักลงทุนควรเน้นไปที่กลุ่มสาธารณูปโภค ได้แก่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP

ส่วนกลุ่มการท่องเที่ยว ได้แก่  บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW และบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL

อีกทั้งธนาคารขนาดเล็กและการเงิน ได้แก่ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB, ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP และบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR

Back to top button