“รทสช.-ภูมิใจไทย” วอนรัฐให้ความสำคัญงบการศึกษา หวั่นเกิดความเหลื่อมล้ำ
“จุติ ไกรฤกษ์” สส.รทสช. เตือน “ก.คลัง” อย่าลืมคนจน ให้ใส่งบด้านการศึกษาโดยเฉพาะกองทุนเพื่อสร้างอากาสให้เด็กยากจน ส่วน “ณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ” สส.ภูมิใจไทย ย้ำการศึกษาต้องปฏิรูปด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (20 มิ.ย. 67) นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ( รทสช.) ได้อภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 โดยกล่าวว่า ตนขอเตือนรัฐบาลไว้ 2 เรื่องหลักๆ เรื่องแรก ขอฝากคำเตือนไปถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า รวยแล้วอย่าลืมคนจน ขอให้เติมเงินด้านการศึกษา โดยเฉพาะกองทุนเสมอภาคทางการศึกษาให้ไม่น้อยกว่าโครงการซอฟต์พาวเวอร์ เพราะจะมีเด็กยากจน 1 ล้านคน ที่หลุดออกจากระบบการศึกษา เราจำเป็นต้องพัฒนาคน ดังนั้นถ้ามีงบประมาณ ขอให้จัดสรรเพิ่มเงินในกองทุนฯ ด้วย เพื่อให้คนอีกหลายล้านคนได้ประโยชน์
ส่วนเรื่องที่สอง รัฐบาลชุดนี้มีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล เมื่อผิดแล้วรีบแก้ก็ดี อย่าให้ไฟลาม เวลาจะตั้งใครขอให้ดูประวัติให้ดี คนจะมาดูกติกาการลงทุน มือต้องไม่เปื้อนเลือด เสื้อผ้าต้องไม่คลุกขี้โคลน ต้องขาวสะอาด ประชาธิปไตยถ้าไม่มีธรรมาภิบาล ก็ไม่มีคำว่าประชาธิปไตย มันเป็นแต่เปลือกเท่านั้น ดังนั้นขอให้รักษาไว้ยิ่งชีวิต
ทางด้าน นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) อภิปรายว่า รัฐบาลต้องเร่งปฏิรูปการศึกษา ที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยยังไม่คืบหน้า และยังไม่ตอบโจทย์ ต้องแก้ปัญหาให้ทุกมิติมากกว่านี้ ซึ่งปัญหาการศึกษาของไทยมีอยู่ 8 ข้อหลัก คือ 1.ความเหลื่อมล้ำของโอกาสทางการศึกษา
2.ขาดแคลนครูที่มีคุณภาพและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง 3.หลักสูตรเน้นการท่องจำมากกว่าการคิดวิเคราะห์ 4.หลักสูตรการศึกษาไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน 5.ค่าใช้จ่ายในการศึกษาที่สูง สร้างหนี้สินให้กับผู้ปกครอง 6.โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาองค์ความรู้ที่มีไม่ทันสมัย 7.เด็กเรียนจบไม่ตรงกับสายที่ทำงาน และ 8.โอกาสที่จบการศึกษาก่อนเวลาน้อย ทั้งนี้ ตนขอฝากไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ นายกรัฐมนตรี ขอให้เร่งสนับสนุนนโยบายปฏิวัติการศึกษา เพื่อแก้ปัญหาประเทศด้วย
นอกจากนี้ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายโดยตั่งคำถามว่า “ในเมื่อมีการจัดสรรงบประมาณ ปี พ.ศ.2568 แต่งบในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง อยู่ตรงไหน?” ยกตัวอย่างเช่น จ.ชุมพร, จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นราธิวาส เป็นต้น โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่แหล่งการเกษตร เพาะปลูกทุเรียน เป็นหลัก วันนี้ ตนตั้งใจมาสะท้อนปัญหาเรื่องพื้นที่การเกษตร แต่ในสภากลับไม่มีนายกรัฐมนตรี หรือ เจ้ากระทรวงที่เกี่ยวข้องอยู่รับฟังสักคน ตนอยากจะเรียกร้องให้เจ้ากระทรวงที่เกี่ยวข้อง มารับฟังปัญหาภัยแล้งที่กระทบต่อพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะทุเรียน ว่าเราต้องมีงบในการแก้ปัญหาภัยแล้ง จะปล่อยให้พืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านตาย แล้วรอปลูกใหม่ รอผลผลิตรอบใหม่ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป พี่น้องชาวเกษตรกร ต้องใช้ชีวิตแบบล้มลุกคลุกคลาน อย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) มองภาพรวมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ว่า เป็นมิติใหม่ทางการเมือง ที่ไม่มีการประท้วงมากนัก บางคนบอกเหงาไปหน่อย แต่มองเป็นเรื่องดี เพราะเน้นที่เนื้อหาสาระ ภาพรวมเป็นไปด้วยดี เหมาะสมเป็นประโยชน์กับผู้ที่ติดตาม ประชาชนจะได้รู้ว่ารัฐบาลจัดสรรงบประมาณไปหน่วยไหนอย่างไร ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ตำหนิติเตียนตามปกติ