“ภูมิธรรม” หารือ ปธ.หอการค้าร่วม 36 ประเทศ ชวนลงทุนในไทยใช้ 8 จุดเด่นตอบโจทย์การค้า

“ภูมิธรรม เวชยชัย” ถก ประธานหอการค้าร่วม 36 ประเทศ ชู 8 นโยบาย ดึงความมั่นใจต่างชาติลงทุนไทย พร้อมแก้อุปสรรคการค้า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 67 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือกับนางวีเบ็คก้า ลิสซานด์ เลียร์วาก ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (Jonit Foreign Chamber of Commerce in Thailand : JFCCT) และผู้ร่วมคณะ 32 รายว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหา อุปสรรคทางการค้า และพร้อมพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อดึงดูดการลงทุนและกระจายสินค้า ปรับปรุงกติกาการค้าต่าง ๆ ให้ทันโลก ซึ่ง JFCCT เป็นองค์กรภาคเอกชนที่ประกอบไปด้วยหอการค้าต่างประเทศ 36 ประเทศ จากทั่วทุกภูมิภาค อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ฝรั่งเศส อินเดียและตุรกี เป็นต้น

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายที่จะช่วยตอบโจทย์การค้าที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน 8 นโยบาย อาทิ การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก SMEs การทำงานเชิงรุก แก้ไขข้อจำกัดทางกฎหมาย เร่งรัดการส่งออก ผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA และยังมีโครงการ Digital Wallet ของรัฐบาลที่ยืนยันว่าจะทำให้สำเร็จ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ 500,000 ล้านบาท ให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อ คาดว่าไม่เกินสิ้นปี 2567 นี้จะสำเร็จ และรัฐบาลเองยังต่อต้านการคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ

“เป็นทิศทางของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ที่กำลังดำเนินการ จะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนที่จะมาลงทุนและทำการค้ากับประเทศไทย เราพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกนักลงทุนต่างชาติ เพื่อเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย” นายภูมิธรรมกล่าว

ด้านนางวีเบ็คก้า ลิสซานด์ เลียร์วาก ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย เปิดเผยว่า JFCCT มีสมาชิกมากกว่า 9,000 บริษัท เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ ตั้งใจที่จะส่งเสริมการค้าและการลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจไทย โดยจะทำงานร่วมกันในการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขัน

ทั้งนี้ ขอชื่นชมรัฐบาลไทยล่าสุด จากการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศประจำปี 2567 (IMD World Competitiveness Yearbook 2024) ของ International Institute for Management Development (IMD) ไทยอยู่ในอันดับที่ 25 ขยับดีขึ้นถึง 5 อันดับ จากอันดับที่ 30 ในปี’66

ทางหอการค้าได้หารือถึงการเพิ่มศักยภาพของแรงงาน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้มาตั้งสถานประกอบการในไทยได้ เน้นในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ โรงแรม การเกษตร ยานยนต์และดิจิทัล เป็นต้น เพื่อยกระดับทักษะเดิมและสร้างทักษะใหม่ที่จำเป็นตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการ

นอกจากนี้ ทางหอการค้ายินดีที่จะช่วยสนับสนุนการเจรจา FTA ของไทย และขอชื่นชมกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ ที่จะมีแพลตฟอร์มช่วยอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวได้มากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ JFCCT เป็นองค์กรภาคเอกชนที่ประกอบไปด้วยหอการค้าต่างประเทศ 36 ประเทศ จากทั่วทุกภูมิภาค อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ฝรั่งเศส อินเดีย และตุรกี เป็นต้น.

Back to top button