จับตา “กลุ่ม Media” เม็ดเงินโฆษณาฟื้น ชู PLANB ท็อปพิก
โบรกแนะซื้อ “PLANB-ONEE” รับเม็ดเงินโฆษณาปี 67 พุ่ง 4% ชู PLANB ท็อปพิก ให้ราคาเป้าหมาย 10.20 บาท คาดกำไรปีนี้ทะลุ 1 พันล้านบาท รับเม็ดเงินโฆษณากลุ่ม “OOH Media” โตต่อเนื่อง
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ จำกัด (มหาชน) ระบุในวิเคราะห์ (20 มิ.ย. 67) ว่า ฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Media เป็น “มากกว่าตลาด” จากเดิมที่ “เท่ากับตลาด” โดยคาดว่าเม็ดเงินโฆษณารวมปี 67 จะเติบโต 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากปัจจัยดังนี้ 1) แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2-4/67 ฟื้นตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมาจากกำลังซื้อกลุ่ม Fast-Moving Consumer Goods (FMCG) ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่ใช้งบโฆษณา มีการขยายตัวจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง 2) นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทยเพิ่มขึ้น และ3) นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงจากหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยสื่อดั้งเดิม เช่น TV, Radio และ Print ลดลงทำให้เม็ดเงินโฆษณาสื่อดั้งเดิมยังคงขยายตัวจพกัด เมื่อเทียบกับกลุ่ม OOH media, Transit และ Digital
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการกลุ่มในไตรมาส 2/67คาดว่าจะขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้ 1) เม็ดเงินโฆษณาที่ขยายตัว โดยเฉพาะกลุ่มสื่อนอกบ้าน (OOH media) ที่เติบโตดี 2) รายได้โฆษณาและรายได้ event & artist management เติบโตดี และ 3) GPM ขยายตัว จาก utilization rate ที่ดีขึ้น ส่วนกำไรที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเป็นไปตามฤดูกาล
ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ราคาเป้าหมาย 10.20 บาท โดยประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน ซึ่งมีปัจจัยหนุนจาก 1) รายได้ที่ขยายตัว จากรายได้ของ OOH Media มีการขยายตัว และคาดการณ์ utilization rate ที่ 74-75% จากไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 69.7% และไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 72.1% รวมทั้งรายได้ engagement marketing ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมาจากการเริ่มรับรู้รายได้ Olympics ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 200 ล้านบาท (จาก Road to Olympics) ขณะที่รายได้มวยขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้าสู่ฤดูฝน
2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน จาก utilization rate ที่ดีขึ้น ดังนั้นคงประมาณการกำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 1,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีปัจจัยหนุนดังนี้ 1) รายได้ขยายตัว 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้สื่อ OOH เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยาย media capacity และปรับราคาขายสื่อเพิ่ม 2) GPM ขยายตัว จาก utilization rate ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์ชอบ PLANB โดยมองว่า จะได้ประโยชน์มากสุดหลังเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ประกอบกับประชาชนหันมาใช้ชีวิตนอกบ้านเพิ่มขึ้น
โดยฝ่ายวิเคราะห์เลือก PLANB เป็น Top pick ของกลุ่ม จาก 1) เม็ดเงินโฆษณากลุ่ม OOH Media ที่ยังเติบโตดีต่อเนื่อง จากผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น อีกทั้งPLANB ยังมี market share สูงสุดในกลุ่ม OOH และ 2) คาดการณ์แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2-4/67 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า จากการขยาย media capacity และ utilization rate ที่ขยายตัว
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (7 มิ.ย. 67) ว่า คงประมาณการณ์กำไรของPLANB ในปี 67 เดิมที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บนสมมติฐานรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น และคาดว่ากำไรจะเติบโตขึ้นอีกโดยอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 68
ส่วนผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปีของ PLANB พบว่าในปี 2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 140.23 ล้านบาท ต่อมาในปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 64.04 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 703.17 ล้านบาท นอกจากนี้ในปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 911.25 ล้านบาท และในงวดไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิอยุ่ที่ 181.23 ล้านบาท
สำหรับบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.90 บาท โดยเบื้องต้นประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และโตโดดเด่นจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมาจากรายได้ที่ขยายตัว และจากรายได้โฆษณาทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้าตามฤดูกาล ประกอบกับรายได้ copyrights, radio และ events เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจาก 1) รายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ advertising ที่เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากเรตติ้งละครที่ดี อีกทั้ง oneD Original อาทิ บางกอกคณิกา ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น นอกจากนี้ copyrights เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ event business เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ Radio เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ขยายตัว จาก utilization rate ที่ปรับตัวดีขึ้น และรายได้ Radio & Event business ที่มีมาร์จิ้นสูงปรับตัวขึ้น โดยฝ่ายวิเคราะห์ยังชอบ ONEE จากความหลากหลายในธุรกิจ ซึ่งช่วยลดการพึ่งพิงเม็ดเงินโฆษณา โดยสัดส่วนรายได้จากโฆษณาอยู่ที่ 43.2% ของรายได้รวม
ส่วนผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปีของ ONEE พบว่าในปี 2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 633.86 ล้านบาท ต่อมาในปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 828.38 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 738.53 ล้านบาท นอกจากนี้ในปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 505.09 ล้านบาท และในงวดไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิอยุ่ที่ 31.15 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คงประมาณการกำไรสุทธิกลุ่ม Media ปี 67 หุ้นที่ฝ่ายวิเคราะห์ cover ได้แก่ PLANB และ ONEEโดยคงประมาณการกำไรสุทธิกลุ่มที่ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากเม็ดเงินโฆษณากลุ่ม OOH ที่ฟื้นตัว และรายได้ event & artist management ขยายตัว ซึ่งช่วยชดเชยเม็ดเงินโฆษณากลุ่มทีวีที่ฟื้นตัวในกรอบจำกัด โดยประเมินว่าเม็ดเงินโฆษณาจะฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/67 เป็นต้นไป