SCBX เปิดกลยุทธ์จัดพอร์ต รับ SET สิ้นปี 1,500 จุด
SCBX ตั้งเป้าหมาย SET ปีนี้แตะ 1,500 จุด พร้อมแนะจับตา 5 ประเด็นร้อนในช่วงไตรมาส 3/67 แนะนำกลยุทธ์ลงทุน 5 หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการเติบโต
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด หรือ SCBX เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยตั้งเป้าหมายดัชนี SET ปีนี้ไว้ที่ 1,500 จุด และมองว่าหากดัชนีปรับตัวลงมาต่ำกว่า 1,300 จุดเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน โดยมองว่าในช่วงไตรมาส 3/67 ตลาดจะเปลี่ยนมุมมองไปที่มูลค่าของกลุ่มเทคโนโลยี และปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ นอกเหนือจาก AI
ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนกลุ่มเล่นจากหุ้นเติบโตไปยังหุ้นคุณค่าและหุ้นวัฏจักร ไม่รวมกลุ่มเทคโนโลยีตามเซนติเมนต์ที่ดีขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และจุดยืนของเฟดต่อการลดอัตราดอกเบี้ยทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งเป็นผลดีต่อตลาด EM กำไรของตลาด EM คาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 3/67 เป็นต้นไป
พร้อมกันนี้มองว่า ตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนกลุ่มเล่น และความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ โดยมองว่าผลประกอบการมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ความเร็วในการฟื้นตัวอาจชะลอลงได้ เนื่องจากความเสี่ยงจากการเติบโตในระดับต่ำของเศรษฐกิจยังคงมีอยู่
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ได้แก่ การลดดอกเบี้ยครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงครึ่งปีหลัง, นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง และนำไปสู่การเติบโตของ GDP ที่ 5% ได้หรือไม่, การเลือกตั้งสหรัฐฯ และประเทศหลักอื่นๆ ความขัดแย้งการเมืองระหว่างประเทศ การเบิกจ่ายงบประมาณมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยและความเคลื่อนไหวทางการเมือง รวมถึงประเด็นเรื่องผลประกอบการตลาดหุ้นไทยจะฟื้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือหรือไม่
นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 3 มี 5 สถานการณ์ที่ต้องจับตา ได้แก่ 1.คดีนายก นายเศรษฐา ทวีสิน คดีอดีตนายก ทักษิณ ชินวัตร คดียุบพรรคก้าวไกล และการเลือกตั้ง ส.ว. และผลต่อการจัดทำงบประมาณปี 68 รวมถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ 2.ธนาคารกลางชั้นนำเริ่มลดดอกเบี้ยชัดเจนขึ้น เช่น SNB, Riksbank, BoC, ECB และให้จับตาเฟดในเรื่องดอกเบี้ย 3.ตัวเลขภาคการผลิต ตลาดแรงงาน และภาคการใช้จ่ายสหรัฐเริ่มชะลอตัวชัดเจนขึ้น จับตาเงินเฟ้อและทิศทางดอกเบี้ย
4.ผลของมาตรการ 1 ล้านล้านหยวน การลดเงินดาวน์-ดอกเบี้ยอสังหาริมทรัพย์ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 3 แสนล้านหยวน และการประชุม Plenum และ 5.จับตาสงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี สงครามเงาอิสราเอล-อิหร่าน และสงครามยูเครนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
สำหรับหุ้นเด่นในไตรมาส 3/67 ในเรื่องของการฟื้นตัวของผลประกอบการ ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE, บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU
ทั้งนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างพร้อมเพรียงกัน จึงยังคงชอบหุ้นที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและส่งสัญญาณผลประกอบการฟื้นตัวอย่างชัดเจนในไตรมาส 3/67 และช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยมองหาบริษัทที่สามารถเติบโตได้เร็วกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดและรักษาโมเมนตัมของกำไรเอาไว้ได้
อย่างไรก็ตาม หากมองต่อเนื่องไปยังไตรมาส 4 ความเสี่ยง 3 ประการอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกและไทยผันผวนมากขึ้น ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ธนาคารกลางต่างๆ อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไม่เท่ากันในไตรมาส 4/67 ซึ่งจะทำให้ค่าเงินผันผวน ขณะเดียวกันตลาดยังมองในแง่ดีเกี่ยวกันแนวโน้มการเติบโตในปี 68