WTI ปิดลบ 1% เซ่นดัชนี “เชื่อมั่นผู้บริโภค” สหรัฐชะลอตัว-ดีมานด์ลด
WTI ปิดลบ 1% หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลง พร้อมกับความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัว แนะจับตารายงานสต็อกน้ำมันจากรัฐบาลสหรัฐวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (25 มิ.ย.67) เนื่องจากการชะลอตัวของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานที่บ่งชี้ถึงอุปสงค์เชื้อเพลิงที่อ่อนแอลงในสหรัฐ
ทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 80 เซนต์ หรือ 0.98% ปิดที่ 80.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 1 ดอลลาร์ หรือ 1.16% ปิดที่ 85.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังจากผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 100.4 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 101.3 ในเดือนพ.ค.
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันปรับตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. แต่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนปรับตัวลง โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค ความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า รวมทั้งสถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน อีกทั้งราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากรายงานของ สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 914,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 มิ.ย. และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 3.843 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันอย่างเป็นทางการจาก สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลาประมาณ 21:30 น.ตามเวลาไทย
นอกเหนือจากนี้ นักลงทุนยังจับตาสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน หลังจากยูเครนส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งในรัสเซีย รวมถึงโรงกลั่นของบริษัทอิลสกาย (Ilsky) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเชื้อเพลิงรายใหญ่ในพื้นที่ตอนใต้ของรัสเซีย
รวมไปถึงนักลงทุนกำลังประเมินช่วงเวลาที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดนางลิซา คุก สมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจอยู่ในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ นางมิเชล โบว์แมน ซึ่งสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาปรับลดอัตราดอกเบี้ย และอาจเปิดกว้างต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง