“เศรษฐา” เสี่ยงพ้นเก้าอี้นายกฯ ปมแก้กฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 27 มิ.ย.67) นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เปิดเผยกับ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ถึงกรณี คณะรัฐมนตรี (ครม.) สั่งกระทรวงมหาดไทย (มท.) แก้กฎหมายช่วยอสังหาฯ ต่างชาติ ซื้อคอนโดฯ ได้ ร้อยละ 75 และ ถือครองได้ 99 ปี ว่า มติคณะรัฐมนตรี ครม. ดังกล่าว อาจจะเข้าข่ายการกระทำขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญหลายมาตรา เช่น มาตรา 185 มาตรา 186 และอาจผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในหลายมาตราด้วยเช่นกัน หากมีผู้ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินคดี และป.ป.ช.ชี้มูลว่า มีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ป.ป.ช.ต้องดำเนินการฟ้องต่อศาลฎีกาแผนคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองต่อไป แต่ความผิดเรื่องนี้ ส.ส. และ สว. สามารถยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ให้สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170

ด้านนายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต นักธุรกิจชาวไทย มองว่า เป็นเรื่องดีที่ภาครัฐจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยอสังหาริมทรัพย์และมีผลต่อจีดีพี แต่ก็จะทำให้ราคาที่ดิน ห้องชุด สูงมากขึ้น คนไทยเข้าถึงยาก และรัฐควรจะส่งเสริมให้คนไทยที่ยังไม่มีบ้านได้มีบ้านก่อน

นอกจากนี้ มีความคิดเห็นจาก ดร.โสภณ พรโชคชัย นักวิชาการด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ให้สัมภาษณ์กับ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ว่า มาตรการนี้ออกมาเพื่อใคร ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ได้เป็นความต้องการของชาวต่างชาติโดยทั่วไป แต่กำลังจะเป็นการหาทางระบายที่ดินจากทุนใหญ่ของไทย ให้แก่ทุนใหญ่ต่างชาติที่อยากจะครองที่ดินแปลงใหญ่มากกว่า

“ ทุนใหญ่ๆ ที่มาไทยมักจะเป็นสีเทา แม้จะมีหลายธุรกิจที่ถูกฟอกเงิน แต่หนึ่งในนั้นคือ อสังหาริมทรัพย์ เช่น ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อโครงการบ้านเดี่ยว แล้วจดทะเบียนบริษัทตามสัดส่วนกฎหมายไทย แต่พอถึงเวลาก็จะขายกิจการทั้งบ้าน ทั้งบริษัท แล้วอ้างว่าคนที่ขายได้ประโยชน์ คือ คนไทย ลักษณะนี้ ภาครัฐควรเร่งนิรโทษกรรม ทำให้คนที่ถือครองผิดกฎหมาย ขึ้นมาอยู่ในระบบ” ดร.โสภณ กล่าว