CIVIL ปิดพุ่ง 9% ปักธงปีนี้รายได้ 6.5 พันลบ. จ่อเซ็นสัญญา 4-5 รถไฟไทย-จีน Q3
CIVIL ปิดพุ่ง 9% ปักธงปีนี้รายได้ 6.5 พันล้านบาท จ่อเซ็นสัญญารถไฟไทย-จีน สัญญา 4-5 วงเงิน 9,650 ล้านบาท ไตรมาส 3/67 มั่นใจปีนี้รายได้แตะ 6.5 พันล้านบาท หลังตุนแบ็กล็อก “นิวไฮ” แตะ 3 หมื่นล้านบาท พร้อมลุยประมูลงานภาครัฐ-เอกชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(27มิ.ย.67) ราคาหุ้นบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ปิดตลาดที่ระดับ 1.80 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 9.09% ราคาสูงสุด 1.82 บาท ราคาต่ำสุด 1.63 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5.40 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้(20มิ.ย.)นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CIVIL เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ว่า บริษัทตั้งเป้าหมายเติบโตต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการเข้ารับงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพทั้งภาครัฐและเอกชน จากการที่รัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นโอกาสให้กับบริษัทมากขึ้นในการเข้าประมูลงาน โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ อาทิ งานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่, งานประเภทรถไฟความเร็วสูง และ งานถนน มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท
อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างรอลงนามสัญญาจำนวน 8 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท ได้แก่ งานถนน และ งานก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง โดยงานทั้งหมดที่คาดว่าได้รับจะส่งผลให้มูลค่างานในมือ (Backlog) ของบริษัทในช่วงสิ้นปี 2567 เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 30,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมี Backlog จำนวน 22,538 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67คาดเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/67 เนื่องจากเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากงานโครงการต่างๆมากขึ้น คาดรายได้ในปี 67 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 6,500 ล้านบาท จากแผนการดำเนินงานใน 2 ส่วน ได้แก่ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท และ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับงานก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ พร้อมวางเป้าหมายการเติบโต 3 ปีข้างหน้า (ปี 67-69 ) เติบโตเฉลี่ย 38% ต่อปี สู่เป้าหมายรายได้ 9,000 ล้านบาทในปี 69
ด้านความคืบหน้าการลงนามสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟส 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา สัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว วงเงิน 9,650 ล้านบาท กับบริษัท บุญชัยพาณิชย์ (1979) จำกัด ในเครือ CIVIL คาดจะได้ลงนามกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ภายในอีก 2 เดือน หรือภายไตรมาส 3/67 นี้ หลังจากที่เลื่อนมาหลายครั้งก่อนหน้า
ส่วนความคืบหน้าโครงการอื่นมีดังนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ภายใต้สัญญา 4-7 ช่วงสระบุรี-แก่งคอย รวมมูลค่า 8,639 ล้าน คืบหน้าไปแล้ว 65% ,โครงการทางด่วนพระราม 3 วงเงิน 1,960 ล้านบาท คืบหน้า 57%, โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร วงเงิน 3,459 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 15%,โครงการก่อสร้างโครงข่ายทางหลวง. หมายเลข 3087 สายราชบุรี-แก้มอ้น วงเงิน 721 ล้านบาทคืบหน้าแล้ว 17%, โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่บางสะพานน้อย-ชุมพร วงเงิน 1,863 ล้านบาท ความคืบหน้าไปแล้ว 99%,
ขณะที่โครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ วงเงิน 399 ล้านบาท คืบหน้าไปแล้ว 84% และคาดว่าภายใน 2 เดือนจากนี้จะเสร็จเรียบร้อยดี ,โครงการปรับปรุงสนามบินหัวหิน วงเงิน 243 ล้านบาท คืบหน้าไปแล้ว 93%,โครงการ ปรับปรุงสนามบินลำปาง มูลค่า 225 ล้านบาท คืบหน้า 99% และงานปรับปรุงโครงการก่อสร้างสายพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต วงเงิน 544 ล้าน คืบหน้าแล้ว 88%
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้งานก่อสร้างแบ่งเป็น งานก่อสร้างทางรถไฟและทางรถไฟความเร็วสูง 46%, งานก่อสร้างทางหลวง ทางต่างระดับ และทางพิเศษ 33.9% และ งานประเภทอื่นๆ 20.1% อาทิ คลองระบายน้ำ งานก่อสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ และ สนามบิน
ขณะที่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับงานก่อสร้าง บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความหลากหลายมากขึ้น อาทิ ธุรกิจยานยนต์เชิงพาณิชย์ (EV) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจอย่างยั่งยืนและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสการเติบโตในส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเครื่องจักรก่อสร้างให้เช่า รวมไปถึงการต่อยอดธุรกิจวัสดุก่อสร้างของบริษัท ซึ่งทั้งหมดจะเริ่มเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 เป็นต้นไป
“ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ผ่านมาถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่ทำให้ CIVIL มีความแตกต่างคือการรักษาต้นทุนการก่อสร้างให้อยู่ในระดับที่ดี และ การมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง สามารถดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องภายใต้การดำเนินงานทั้งหมด อีกทั้งการมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพงานรอบด้าน ทั้งในแง่การบริหารโครงการให้เป็นไปตามกำหนดเวลาภายใต้ข้อจำกัดด้านพื้นที่ก่อสร้าง รวมไปถึงการมี Backlog ที่สร้างการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยังคงเดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถการเข้าประมูลงานที่มีศักยภาพ ด้วยความพร้อมในการแข่งขันทุกโครงการ ซึ่งปัจจุบันภาครัฐมีความชัดเจนในด้านงบประมาณและโครงการที่จะเริ่มเปิดประมูลในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น ถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทในการสร้างการเติบโตทั้งรายได้ และความสามารถในการทำกำไรให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายปิยะดิษฐ์ กล่าว