EURO เร่งผุดโชว์รูมใหม่-จับมือพันธมิตร หวังรายได้ปีนี้แตะ 1.4 พันล้านบาท
EURO วางเป้าหมายรายได้ปี 67 แตะ 1.4 พันล้านบาท เตรียมเปิดโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์แห่งใหม่-แฟลกชิปสโตร์ผ้าปูที่นอนแบรนด์หรู พร้อมจับมือพันธมิตรเร็วๆ นี้ ส่วนปัจจุบันมีแบ็กล็อก 1 พันล้านบาท โดยทยอยรับรู้รายได้ประมาณ 80% ในปีนี้
นายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EURO เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2567 ของบริษัทดีกว่าครึ่งปีแรก โดยบริษัทฯ เตรียมจับมือกับพาร์ทเนอร์ใหม่ที่เป็นแบรนด์ชั้นนำ เกี่ยวกับสินค้าไลฟ์สไตล์ภายในบ้าน พร้อมกับเปิดโชว์รูมอยู่ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งคาดว่าการร่วมมือดังกล่าวจะสนับสนุนยอดขายของบริษัทฯ อย่างน้อย 200 ล้านบาทต่อปี
โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด 4 แห่ง ประกอบด้วย 1.Euro Creations Flagship Gallery at Thonglor 2.Natuzzi Italia at Siam Paragon 3.Euro Creations Gallery at Crystal Design Center และ 4.Euro Creations Flagship Gallery at Phuket นอกจากนี้บริษัทฯ ได้เตรียมเปิดโชว์รูมใหม่เพิ่มอีก 1 สาขาที่ทองหล่อซอย 5 โดยจะรับรู้รายได้ในปี 2568 และเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาในไตรมาส 1/2569 อีกทั้งยังเตรียมเปิดแฟลกชิปสโตร์แบรนด์ผ้าปูที่นอนระดับ Luxury ของโลกที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ในเดือนต.ค.นี้ ขณะที่ Euro Creations Flagship Gallery at Phuket เติบโตได้ดีตามเป้าหมายที่วางไว้
“ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีแบ็กล็อกอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยทยอยรับรู้รายได้ประมาณ 80% ภายในปีนี้ และบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตปี 2567 แบบ Double Digits และตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 1,400 ล้านบาท” นายเควิน กล่าว
สำหรับ EURO เป็นผู้ประกอบธุรกิจการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งเฟอร์นิเจอร์ชุดครัว, เฟอร์นิเจอร์สำนักงาน, เฟอร์นิเจอร์นอกอาคาร, ระบบควบคุมไฟ, สินค้าและวัสดุเพื่อการตกแต่ง, ของใช้, เครื่องนอน, เครื่องออกกำลังกาย และสินค้าหรืออุปกรณ์เทคโนโลยี ภายใต้ชื่อร้าน “Euro Creations” และร้านภายใต้แบรนด์อื่นๆ รวมทั้งการให้บริการเกี่ยวกับการตกแต่งบ้านแบบครบวงจร
โดยเป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์สำหรับการตกแต่ง และอุปกรณ์ฟิตเนสจากแบรนด์ชั้นนำระดับ Luxury โดยเป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย อาทิ Technogym, Molteni&C, Natuzzi Italia, Giorgetti, Calligaris, Cassina, Christopher Guy, Galotti&Radice, Malerba และ Frette เป็นต้น ทั้งนี้ แต่ละแบรนด์ล้วนมีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั่วโลก สำหรับกลุ่มลูกค้าของ EURO จะเน้นไปที่ Business to Customer (B2C) และตลาดบนเป็นหลัก โดย 70% เป็นลูกค้าบ้าน และส่วนที่เหลือจะเป็นลูกค้ากลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี 2565 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,068.45 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 106.16 ล้านบาท ขณะที่ปี 2566 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,274.76 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 162.52 ล้านบาท