CLSA แนะเก็บ 3 หุ้นตัวท็อป! กลุ่มโรงแรม รับท่องเที่ยวคึก-ยอดเข้าพักพุ่ง!

CLSA แนะซื้อ 3 หุ้นกลุ่มโรงแรม “MINT-CENTEL-ERW” รับท่องเที่ยวคึก พ่วงมาตรการฟรีวีซ่า หนุนยอดเข้าพักพุ่ง ลุ้นผลงานปีนี้โตแกร่ง


บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CLSA ระบุในบทวิเคราะห์กลุ่มโรงแรม โดยคาดการณ์ว่าปี 2567 จะเห็นการเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar) และการเติบโตของธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าในปี 66 RevPar จะปรับตัวสูงขึ้นกว่าปี 62 อยู่ถึง 11% โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวยังสามารถเติบโตได้อีกสำหรับกลุ่มโรงแรม จากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขณะนี้กลับมาเป็น 90% ของช่วงก่อนโควิดแล้ว รวมถึงมาตรการฟรีวีซ่า และพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป โดยมีการจับจ่ายใช้สอย และเข้าพักในโรงแรมหรูเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ CLSA มองว่าความสามารถของประเทศไทยในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐจะช่วยให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเห็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ในระยะยาว พร้อมกับให้ 3 หุ้นเด่นได้แก่ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือCENTEL และบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW

สำหรับภาพรวมการท่องเที่ยวในปีนี้ CLSA มองว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติกำลังขยับเข้าไปใกล้เป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ตั้งเป้าไว้ 35.50 ล้านรายในปีนี้ โดย ณ วันที่16 มิ.ย. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศแล้ว 16.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 90% ของตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เคยเข้าประเทศในปี 62 ขณะที่มาตรการฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน และอินเดีย รวมถึงจากประเทศอื่นๆ จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมได้อย่างมีนัยะ โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนยังเป็นปัจจัยหลัก ต่อการเร่งตัวของการท่องเที่ยวไทยให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยคาดว่าในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะเห็นการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวจีนราว 10% ต่อปี

อีกทั้งรัฐบาลยังมีการส่งเสริมการท่องเที่ยว และตั้งประเทศไทยให้เป็นฐานการบินและการท่องเที่ยว ทั้งยังมีการพิจารณาจัดการแข่งขัน F1 ในประเทศ และการขยายสนามบินสุวรรณภูมิให้รองรับผู้โดยสารได้ 150 ล้านคนต่อปีภายในปี 73 จากตอนนี้ที่ 60 ล้านคน

นอกจากนี้ CLSA ยังระบุในบทวิเคราะห์ถึง MINT ว่าเป็นบริษัทชั้นนำในด้านโรงแรม และร้านอาหาร โดยพอร์ตในยุโรปเห็นการเติบโตของ RevPar อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่พอร์ตในประเทศไทยจะปรับตัวสูงขึ้นไปตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศนอกจากนั้นแล้ว การที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งอย่าง MINT ทำให้สามารถขยายธุรกิจเพื่อให้มีมาร์จิ้นที่สูงขึ้นได้ ผ่านกลยุทธ์ asset-light ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์มองว่า MINT ยังซื้อขายใน P/E อยู่ที่ 7.3 เท่า ซึ่งมีความน่าสนใจสำหรับการลงทุน และยังอยู่ต่ำกว่ากลุ่มโรงแรมอื่นๆ ในยุโรปราว 20%

ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ให้คำแนะนำ “ซื้อ” MINT ที่ราคาเป้าหมาย 40.50 บาท โดยคาดว่ากำไรของ MINT ในปีนี้จะอยู่ที่ 8,374 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 9,613 ล้านบาทในปีหน้า และทะยานแตะ 1.1 หมื่นล้านบาทในปี 2569 ประกอบกับคะแนน ESG ของ MINT อยู่ที่ 73.20 ซึ่งสูงกว่าคะแนนของประเทศไทย และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน

โดยนอกจาก MINT แล้ว CLSA ยังแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CENTEL ที่ราคาเป้าหมาย 40.25 บาท โดยคาดว่าจะมีการเติบโตของ EPS จากการดำเนินงานหลักที่สูงที่สุดในกลุ่มโรงแรมในไทย โดยจะเติบโตราว 35% ซึ่ง CENTEL จะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์ที่สุดในกลุ่มโรงแรม และร้านอาหารจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ สองโรงแรมที่เปิดตัวใหม่ในมัลดีฟในไตรมาส 4/67 และไตรมาส 1/68 จะช่วยผลักดันรายได้ของ CENTEL ในปี 68 ได้ อย่างไรก็ดี คาดว่า EBITDA รวมของหน่วยธุรกิจโรงแรม และอาหารจะออกมาทรงตัวในปีนี้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง Centara Grand Mirage Pattaya และการเปิดตัวของโรงแรมใหม่

ทั้งนี้ CLSA มองว่า CENTEL มีงบดุลที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เห็นได้จากการที่บริษัทไม่มีการเพิ่มทุนในช่วงโควิด โดยมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (IBD/E) อยู่ที่ 0.6 เท่า ณ สิ้นปี 66 ซึ่งต่ำกว่าทั้ง MINT และ ERW ที่อยู่ที่ 1 เท่า โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ากำไรสุทธิของ CENTEL ในปีนี้จะอยู่ที่ 1,512 ล้านบาท ก่อนจะปรับตัวสูงขึ้นเป็น 1,965 ล้านบาท ในปีหน้า และ 2,391 ล้านบาทในปี 2569 โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 45.50 บาท

นอกจากนั้น CLSA ระบุว่าหากต้องการหุ้นโรงแรมที่เน้นธุรกิจในประเทศอย่างเดียวจะมี ERW ที่เป็นหุ้นหลักเนื่องจาก 90% ของรายได้มาจากในประเทศ ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวในไทยมากที่สุดโดยเป็นรองแค่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า ERW จะมีการเติบโตของ EPS จากการดำเนินงานหลักอยู่ที่ 13% ในปีนี้จาก RevPar ที่สูงขึ้นในธุรกิจโรงแรม และการขยายแบรนด์ Hop Inn ซึ่ง CLSA มีมุมมองเชิงบวกต่อ Hop Inn เนื่องจากใช้เงินลงทุนที่ไม่มาก และใช้เวลาในการปรับปรุงไม่นาน ซึ่งสามารถทำให้มีการขยายตัวได้ดีกว่าบริษัทอื่นๆ ที่ทำธุรกิจโรงแรม

ทั้งนี้ CLSA ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ERW ที่ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท โดยคาดว่าจะเห็นกำไรในปีนี้ที่ 847 ล้านบาท และปีหน้า 978 ล้านบาท ก่อนจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 1,119 ล้านบาทในปี 69

Back to top button