“บอร์ด PPP” ไฟเขียวโครงการ “คลังสินค้า” สุวรรณภูมิ มูลค่า 1.5 หมื่นลบ.
คณะกรรมการ PPP เห็นชอบโครงการ “คลังสินค้า” ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของ AOT มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ชี้รองรับการเติบโต “การขนส่งสินค้าทางอากาศ” หนุนการลงทุน-เพิ่มเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐ และเอกชน (PPP) ครั้งที่ 2/2567 โดยทีที่ประชุมเห็นชอบหลักการโครงการ
ให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 2 ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) หรือ AOT (ทอท.) โดยเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการในรูปแบบ PPP Net Cost มูลค่าของโครงการรวม 15,253 ล้านบาท
นายพิชัย กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่มีการดำเนินการอยู่เดิม ซึ่งเอกชนจะรับผิดชอบการจัดหาเงินทุน การออกแบบและก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างของโครงการ พร้อมทั้งการจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับการให้บริการ ตลอดจนรับผิดชอบในการดูแล บำรุงรักษา และบูรณะสิ่งปลูกสร้างโครงการ รวมถึงการบริหารจัดการโครงการ ขณะที่ ทอท. จะกำกับดูแลและติดตามตรวจสอบคุณภาพการดำเนินงาน ของภาคเอกชน และได้รับค่าผลประโยชน์ตอบแทนเป็นรายปี โดยโครงการจะช่วยรองรับการเติบโตของการขนส่งสินค้าทางอากาศที่เพิ่มสูงขึ้น
รวมทั้งการเติบโตของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน (Cross-Border E-Commerce) โดยโครงการมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 5 ที่มุ่งให้ไทย เป็นประตูการค้าการลงทุนและยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค และยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Ignite Thailand ที่มุ่งพัฒนาประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) และศูนย์กลางขนส่ง ของภูมิภาค (Logistic Hub)
โดยการทำโครงการ PPP หรือการให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐด้วยนั้น เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการลงทุนของประเทศ ช่วยเพิ่มเม็ดเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจ นอกเหนือจากเงินงบประมาณแผ่นดินหรือเงินกู้ของรัฐ อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดัน GDP ของเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ