เริ่มวันนี้! มาตรการ “Uptick Rule” ลดผันผวนตลาดหุ้นไทย

มาตรการ Uptick Rule เริ่มมีผลวันนี้ คาดหวังช่วยลดความผันผวนของตลาดหุ้นไทยจากการชอร์ตเซล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 ก.ค.67) จะเป็นวันแรกที่เริ่มบังคับใช้มาตรการ Uptick Rule เพื่อช่วยลดความผันผวนของตลาดหุ้นไทยจากการ Short Sales

โดยก่อนหน้านี้ นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมาย และกำกับองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผย ถึงความคืบหน้าของมาตรการเพิ่มเติมเพื่อยกระดับความเชื่อมั่นรวมถึง Dynamic Price Band และ Auto Halt ซึ่งมีทั้งหมด 14 มาตรการ จาก 3 กลุ่มใหญ่

กลุ่มที่ 1 มาตรการเกี่ยวกับการลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหลักทรัพย์ ประกอบด้วย 1.มาตารการทบทวนหลักทรัพย์ที่ Short Selling ได้โดยกำหนดให้หลักทรัพย์ที่ไม่ได้อยู่ใน SET100 ต้องมี Market Cap 7,500 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิมกำหนดไว้ที่ 5,000 ล้านบาท และกำหนดให้มี T/O Ratio 12 เดือน ที่ระดับ 2% โดยเตรียมออกประกาศบังคับใช้ภายในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ และ 2) มาตรการเพิ่ม Uptick รายหลักทรัพย์ โดยให้ขายชอร์ตในทุกหลักทรัพย์ ได้ที่ราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Uptick) ซึ่งปัจจุบันให้ขายชอร์ตได้ที่ราคาเท่ากับหรือสูงกว่า (Zero-plus Tick) โดยเตรียมออกประกาศบังคับใช้ภายใน 1 ก.ค.นี้

ส่วนกลุ่มที่ 2 มาตรการเกี่ยวกับการกำกับดูแลพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม ประกอบด้วย 1.มาตารการเปิดเผยข้อมูลผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งไม่เหมาะสมให้แก่สมาชิกทุกราย โดยจะประกาศใช้ใน1 ก.ค.นี้  และ 2.มาตการ Register ผู้ใช้ HFT (HFT = PT สร้างและส่งคำสั่งซื้อขายที่ SET Colocation) ต้องยื่นคำขอและ filing ข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้สามารถเห็นข้อมูลผู้ลงทุนในระดับ Sub-Account ของ Omnibus Account โดยจะประกาศบังคับใช้ 1 ก.ค.นี้

ด้านมาตรการ 3 กลุ่มใหญ่ที่เหลือและคาดว่าจะประกาศใช้เพิ่มเติมมีดังนี้

นายรองรักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตารการ Uptick ความพร้อมของโบรกเกอร์ต้องยอมรับว่ามาตรการดังกล่าวสมาชิกบางรายไม่พร้อมก็จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามมาตการเนื่องจากมีผลบังคับใช้กับทุกหลักทรัพย์ ส่วนมาตรการดังกล่าวจะได้ผลหรือไม่ทางตลาดฯก็คาดหวังว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และหากปัจจัยในประเทศมีความชัดเจนและแน่นอนก็เชื่อว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะกลับมาแน่นอน

ส่วนมาตรการดังกล่าวระบบของตลาดฯพร้อมที่จะรองรับและตรวจสอบและดำเนินการได้ตามตามเกณฑ์ที่ประกาศ ส่วนระบบของโบรกเกอร์ที่ต้องดูและระบบคำสั่งลูกค้าที่ผ่านเข้ามาต้องเป็นหน้าที่ของโบรกฯในการดูแล และโบรกต้องแยกให้ชัดเจนว่าโบรกเกอร์ทำหน้าการซื้อขายในฐานะบัญชีมาร์เก็ตเมกเกอร์หรือแบบปกติ เพราะการใช้ Zero-plus Tick จะใช้ได้เฉพาะผู้ทำหน้าที่เป็น Market Maker ตรงนี้จะต้องแยกบัญชีให้ชัดเจนเพื่อช่วยการตรวจสอบและดูแลของตลาด

ส่วนมาตารการทบทวนหลักทรัพย์ที่ Short Selling ได้โดยกำหนดให้หลักทรัพย์ที่ไม่ได้อยู่ใน SET100 ต้องมี Market Cap 7,500 ล้านบาทขึ้นไป คาดจะมีการประกาศหลักเกณฑ์ภายในวันศุกร์นี้ (21 มิ.ย.นี้) และจะประกาศรายชื่อหุ้นที่คาดว่าจะเข้าหลักเกณฑ์ Short Selling ได้ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ส่วนการคัดเลือกหุ้นที่สามารถซื้อขายได้มองว่าจะมีการทบทวนในแต่ละรอบเป็นระยะโดยรายละเอียดการทบทวนหุ้นจะทราบวันที่ 24 มิ.ย.นี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามมาตรการ Short Selling คาดว่าจะใช้ระยะยาว และคาดว่าจะมีทบทวนมาตรการนี้เป็นระยะเพื่อมาปรับปรุงให้มาตการต่างๆดีขึ้น และมองว่าการเปลี่ยนจากมาตรการ Zero-plus Tick ไปใช้มาตรการ Uptick เชื่อว่าปริมาณ Short Selling จะลดลงได้ เพราะหากจะทำ Short Selling จากนี้ไปนักลงทุนต้องอัพราคาซื้อขายหุ้นไปอีกระดับเช่น ราคาปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 5 บาท นักลงทุนต้องทำรายการ Short Selling ที่ระดับ 5.05 บาท ดังนั้นมองว่าการทำ Short Selling น่าจะทำได้ยากขึ้น และการใช้ Uptick ตรงนี้น่าจะช่วยบรรเทาปัญหาตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่าง และช่วยดึงความเชื่อมั่นนักลงทุนได้จึงหันมาใช้มาตรการดังกล่าวจากความเห็นต่างๆและข้อเสนอแนะเข้ามา

นอกจากนี้มาตรการที่ใช้ต่าง ๆ ดังกล่าว ทางตลาดฯจะมีการติดตามเพื่อประเมินผลมาตรการดังกล่าวเพื่อรายงานให้บอร์ดตลาดฯได้รับทราบว่าแต่ละมาตรการบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนมากน้อยเพียงใดโดยมีการวางแผนติดตามการใช้ทุก 3-6 เดือน และหากมาตรการต่างที่ออกมาไม่บรรลุจุดประสงค์ก็ต้องมาดูว่าเป็นเพราะอะไรเพื่อให้ตอบโจทย์ แน่นอนว่าทุกมาตรการมีทั้งดีและร้ายและอาจกระทบนักลงทุนบางกลุ่ม แต่หวังว่ามาตรการที่ใช้จะช่วยให้ตลาดฯดีขึ้น เพื่อช่วยดึงความเชื่อมั่นนักลงทุน

“ดังนั้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะเกิดขึ้นได้ก็มาจากทุกภาคส่วน ในการเสนอข้อเท็จจริง ผมเชื่อว่าสิ่งที่เราทำร่วมกัน น่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยดีขึ้น อย่างน้อยตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรงวานนี้ก็สามารถรีบาวด์กลับมาได้วันนี้ ก็เชื่อว่าฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ” นายรองรักษ์ กล่าว

Back to top button