“เจ้าสัวธนินท์” พร้อมเป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาล แนะตั้งกองทุนพัฒนาสินค้าเกษตร
“เจ้าสัวธนินท์” เชื่อ ไทยมีความมั่นคงทางอาหาร ยกมืออาสา เป็นที่ปรึกษาทุกด้านของรัฐบาล แนะ ตั้งกองทุนพัฒนาสินค้าเกษตรและอาหาร
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวในงาน THACCA SPLASH:Soft Power Forum 2024 หรือ งานซอฟต์พาวเวอร์ฟอรัมนานาชาติ ที่จัดขึ้นครั้งแรกของ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า ประเทศไทยเต็มไปด้วยโอกาสในด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร โดยเฉพาะในช่วงหลังสถานการณ์การระบาดของโรคคลี่คลาย และได้พรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเชื่อว่าจะทำเศรษฐกิจรุ่งเรืองและประชาชนอยู่ดีกินดี
“ รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร หรือ พัฒนาระบบการศึกษาเพื่อสร้างคนที่มีความพร้อม กรณีที่สร้างไม่ทันก็ควรเปิดโอกาสให้แรงงานต่างชาติที่มีความพร้อมเข้ามาทำงานในไทย ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยี การสร้างAI หากรัฐบาลต้องการที่ปรึกษา โดยส่วนตัวพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาลในทุกด้าน ”นายธนินท์ กล่าว
นายธนินท์ กล่าวต่ออีกว่า เศรษฐกิจไทยมีพื้นฐาน คือ ภาคการเกษตรและอาหาร เป็นตัวขับเคลื่อน ทั้งพืช สัตว์ และ ประมง โดยในส่วนของพืชนอกจากข้าว พืชสวน พืชไร่ แล้ว ที่น่าสนใจคือ สมุนไพร ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดโลกมาก ในประเทศไทยมีสมุนไพรจำนวนมาก แต่ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างจริงจัง ตนคิดว่า รัฐบาลควรแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรค จัดตั้งกองทุนขึ้นมาสนับสนุนการพัฒนาสินค้าเกษตร เพื่อรับความเสี่ยงแทนการกู้เงินจากธนาคาร วิธีการนี้จะทำให้การพัฒนาภาคการเกษตรเป็นได้เร็วขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาแหล่งน้ำระบบชลประทาน คิดค้นการสร้างบึงขนาดใหญ่สำหรับเก็บน้ำฝน บริหารจัดการทำระบบโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ เลี้ยงปลา ปล่อยน้ำชลประทานในช่วงแล้ง โดยบึงขนาดใหญ่นี้ยังช่วยลดผลกระทบเรื่องน้ำท่วมได้ด้วย
ซึ่งจากผลการศึกษา การมีระบบชลประทานจะส่งผลให้ผลผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นได้ 5 เท่าตัว รัฐบาลต้องหาทางกระจายน้ำให้ถึงฟาร์มเกษตรกร ลงทุนเรื่องนี้ให้มากขึ้น ให้มีมากพอกับการตัดถนน ที่ปัจจุบันถนนมีมากพอแล้ว คิดว่าจะคุ้มกับการลงทุนและมีกำไรดีเท่าๆกับการขายไฟฟ้า หากรัฐบาลประสบผลสำเร็จเทคโนโลยีทางด้านน้ำ สามารถใช้เป็นโมเดลในการลงทุนในต่างประเทศ ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับไทยอย่างมหาศาล