เปิดแผน SABUY เพิ่มทุน 2.54 พันล้านหุ้น หวังฟื้นธุรกิจ-เรียกความศรัทธา

เปิดแผน SABUY เพิ่มทุน 2.54 พันล้านหุ้น ขาย PP พ่วงแจกวอร์แรนต์ 3 รุ่น หวังนำเงิน 2.7 พันล้านบาท ชำระหุ้นกู้-หมุนเวียนธุรกิจ


กลายเป็นประเด็นที่อยู่ในสปอตไลท์ของแวดวง “ตลาดทุน” อีกครั้งสำหรับความเคลื่อนไหวของบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY หลังจากที่นายวิรัช มรกตกาล ประธานเจ้าหน้าที่่บริหาร SABUY ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า คณะกรรมการบริษัท (บอร์ดฯ) มติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวนไม่เกิน 2,547,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 2,032,076,706 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 4,579,076,706 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 2,547,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท

โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนจดทะเบียนของ SABUY ครั้งนี้จำนวนไม่เกิน 2,547,000,000 บาท จะถูกแบ่งออกเป็นการเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement : PP) โดยกำหนดราคาเสนอขายไว้อย่างชัดเจน จำนวน 1,610,000,000 หุ้น รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 850,000,000 หุ้น และรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทที่จัดสรรให้แก่กรรมการ, ผู้บริหาร และพนักงาน (ESOP-Warrant) จำนวน 87,000,000 หุ้น

เมื่อเจาะลึกลงไปในการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ SABUY ครั้งนี้ ถือว่าเป็นเพิ่มทุนให้ทั้งคนหน้าใหม่เข้ามาทุนเพิ่ม รวมถึงคนคุ้นเคยที่รู้จักมักคุ้นกันมาแล้ว นั้นเป็นเพราะการออกหุ้นเพิ่มทุนจดทะเบียนแบบ PP จำนวน 1,610,000,000 หุ้น ปรากฏ 4 รายชื่อที่จะเข้ามาร่วมลงทุนที่มีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ได้แก่ การออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ บริษัท เอเจ แอดวานซ์เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA จำนวน 700,000,000 หุ้น , การออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ นางสาวเกษรา โล่ห์ทองคำ จำนวน 500,000,000 หุ้น , การออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ Holding L จำนวน 360,000,000 หุ้น และการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ นายวริศ ยงสกุล จำนวน 50,000,000 หุ้น

โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนจดทะเบียนแบบ PP ครั้งนี้ในส่วนของ “Holding L” จะใช้วิธีการแลกหุ้น (Share swap) แทนการจ่ายเงินสด โดย SABUY เข้าซื้อหุ้นสามัญ บริษัท ลอคบอกซ์ กรุ๊ป จำกัด (“LOCKBOX”) จำนวนไม่เกิน 30,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของทุนจดทะเบียน  และการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญในบริษัท ลอคบอกซ์ เวนเจอร์ จำกัด (“LOCKVENT”) จำนวนไม่เกิน 50,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของทุนจดทะเบียน โดยชำระเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SABUY  โดยจะชำระค่าตอบแทนจำนวนไม่เกิน 360,000,000 บาท ด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวน ไม่เกิน 360,000,000 หุ้น ให้แก่ “Holding L”

ขณะที่การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SABUY เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิฯ (SABUY-Warrant) จำนวน 850,000,000 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า ให้แก่บุคคลในวงจำกัดนั้น ถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะบอร์ดฯ SABUY เห็นชอบให้แจก SABUY-Warrant  ให้บุคคลที่มาซื้อหุ้นเพิ่มทุนจดทะเบียนแบบ PP จำนวน 2 รายได้แก่ นางสาวเกษรา โล่ห์ทองคำ จำนวน 250,000,000 หน่วย (รายการ SABUY-W3)โดยไม่คิดมูลค่า และนายวริศ ยงสกุล จำนวน จำนวน 50,000,000 หน่วย (รายการ SABUY-W4) โดยไม่คิดมูลค่า

นอกจากนี้บอร์ดฯ  SABUY เห็นชอบให้แจก SABUY-Warrant  ให้กับนายชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ที่เคยทำดีลการซื้อหุ้นเพิ่มกับ SABUY มาแล้วก่อนหน้านี้ แต่เป็นอันต้องล้มเลิกไปด้วยสภาวะของตลาด และราคาหุ้นของ SABUY ที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยรอบนี้นายชัชวาลย์ได้รับการจัดสรร SABUY-Warrant  จำนวน 550,000,000 หน่วย (รายการ SABUY-W5)  โดยไม่คิดมูลค่า  ซึ่งการแจก SABUY-Warrant ให้กับบุคคลทั้ง 3   มีเงื่อนไขเกี่ยวกับอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิฯ ต่อ 1 หุ้นสามัญ โดยจะมีอายุ 2 ปีนับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิฯ และมีราคาใช้สิทธิเท่ากับ 1.20 บาทต่อหุ้น

ขณะเดียวบอร์ดฯ SABUY ยังเห็นชอบให้แจก SABUY-Warrant  ให้แก่ กรรมการ, ผู้บริหาร และพนักงาน จำนวน 87,000,000 หน่วย (ESOP-Warrant) โดยไม่คิดมูลค่า โดยมีเงื่อนไขเกี่ยวกับอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิฯ ต่อ 1 หุ้นสามัญ โดยจะมีอายุ 2 ปีนับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิฯ และมีราคาใช้สิทธิเท่ากับ 1.20 บาทต่อหุ้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม มติของบอร์ดฯ SABUY ทั้งหมดนี้ บริษัทจะนำเงินจากการเพิ่มทุนจำนวน 1,610 ล้านบาท และหากมีการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิฯทั้งจำนวน บริษัทจะได้รับเงินจำนวน 1,020 ล้านบาท และ SABUY-WC อีกจำนวน 104,400,000 บาท รวมทั้งสิ้นจำนวน 2,734.40 ล้านบาท จะนำไปชำระคืนดอกเบี้ยกุ้นกู้ 3-5 รุ่น จำนวน 101 ล้านบาท และชำระหนี้สัญญากู้ยืมเงินระยะยาวของกลุ่มบริษัทฯ และดอกเบี้ยเงินกู้จากสถาบันการเงิน จำนวน 469 ล้านบาท รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ จำนวน 450 ล้านบาท

โดยแผนทั้งหมดจะถูกนำเข้าบรรจุเป็นวาระในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM) เพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น โดยกำหนดวันประชุมในวันที่ 21 สิงหาคม 2567  โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ กำหนดให้วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ซึ่งต้องติดตามว่า ผู้ถือหุ้นของ SABUY จะมีความคิดเห็นอย่างไรต่อการเปลี่ยนแปลงโครงการสร้างผู้ถือหุ้นในช่วงที่บริษัทฯ กำลังกอบกู้วิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นกับ SABUY

Back to top button