“สมโภชน์” รับตึ๊งหุ้น EA จริง ย้ำไม่เกี่ยวซื้อ-ขาย NEX โชว์ฐานทุนแกร่งไร้ปัญหาจ่ายหนี้

“สมโภชน์” เคลียร์ชัด 3 ประเด็นร้อน ยืนยัน EA ไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อ-ขายหุ้น NEX พร้อมย้ำฐานะทางการเงินยังไม่มีปัญหา สามารถชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยได้ตามกำหนด อีกทั้งยังสามารถแสวงหารายได้เพิ่มเติมเพื่อมาทดแทนรายได้จาก Adder ที่ทยอยหมดอายุ


นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (2 ก.ค.67) พร้อมเคลียร์ 3 ประเด็นหลักที่เป็นกระแสอยู่ในปัจจุบัน เริ่มจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น EA ที่ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงราคา 100 บาท รวมถึงการชอร์ตเซลที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในประเภท NVDR จนเป็นเหตุให้เกิดการสโนว์บอล จนทำให้เกิดการคอลมาร์จิ้น จนนำไปสู่การถูกฟอร์ซเซลตามลำดับ ซึ่งตนเป็นรายสุดท้ายที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดแรงขายก้อนใหญ่ออกมา ซึ่งกรณีดังกล่าวคือภาพใหญ่ๆ ที่สะท้อนการปรับตัวลดลงมาของหุ้น EA

นอกจากนี้ การที่หุ้นปรับตัวลดลงมานั้น จะมาพร้อมกับข่าวลือต่างๆ เช่น รายได้ของบริษัทจะปรับตัวลดลงจาก Adder ที่กำลังจะหมด หรือธุรกิจต่างๆ ที่ทำมาจะไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากพอหุ้นปรับตัวลงมา ผู้คนต่างก็พยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนกัน พร้อมกันนี้ยอมรับว่าตนมีการสื่อสารที่น้อยเกินไป เนื่องจากเข้าใจว่าทุกคนเข้าจุกประเด็นแล้ว แต่เมื่อเหตุการณ์ยังไม่คลี่คลายเลยมีการจัดแถลงข่าววานนี้

ขณะที่จุดเริ่มต้นในการนำหุ้นไปใช้ค้ำประกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางแบงก์ต่างประเทศแนะให้ให้เอาหุ้นไปวางค้ำประกันเพราะมองว่าตนไม่ได้ต้องการขายหุ้นอยู่แล้ว และนำเงินกู้ไปลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นมา 3-4 ปีแล้ว

โดยตอนนั้นตนมองว่าการนำหุ้นสัดส่วนที่ไม่เยอะไปวางค้ำประกันไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร แต่พอหุ้นปรับตัวลดลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้เกิดการคอลมาร์จิ้นขึ้น ซึ่งขณะนั้นตนคิดว่าสัดส่วนการนำหุ้นไปค้ำประกันไม่ได้เยอะ และได้นำทรัพย์สินไปวางหลักประกันกับสถาบันการเงินนั้นเป็นจำนวนมากแล้ว จึงอาจจะเจรจาได้ แต่ทางสถาบันการเงินดังกล่าวกลับเลือกใช้มาตรการ Extreme Case และรับเป็นเงินสดเท่านั้น ไม่รับเป็นสินทรัพย์ และมีเวลาดำเนินการภายใน 3 วัน ซึ่งเป็นเหตุทำให้หุ้นที่ตนถือถูกบังคับขายออกมาตั้งแต่ช่วงวันอังคารถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา

“ตอนนี้ข้อมูลล่าสุดคือหนี้สินต่อสถาบันการเงินดังกล่าวหมดแล้วนับตั้งแต่การถูกบังคับขายไปเมื่อวันศุกร์ ดังนั้นหุ้นที่ผมเหลืออยู่ตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมาขาย จึงเป็นที่มาตามที่ผมบอกว่าการถูกบังคับขายของผมถือว่าจบแล้ว” นายสมโภชน์ กล่าว

ขณะที่ตัวเลขหุ้นที่เหลือในพอร์ตตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้แน่ชัด แต่คาดการณ์ว่าถูกบังคับขายไปราว 200-300 ล้านหุ้น ซึ่งต้องรอสรุปตัวเลขอีกครั้ง และจะทำการแจ้งให้ทราบต่อไป แต่หากดูจากตัวเลขหุ้นทั้งหมดที่ราว 1.5-1.7 พันล้านหุ้น หรือประมาณ 40% ของบริษัท ล่าสุดคาดการณ์ว่าจะเหลืออยู่ราว 33-35% ซึ่งหากรวมกับพันธมิตรแล้วตัวเลขยังเกิน 50% ดังนั้นอำนาจในการควบคุมบริษัทไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

ส่วนประเด็นเรื่องการทยอยหมดอายุของ Adder ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอุตสาหกรรมนี้จะมีระยะเวลา Ader เท่าไหร่ รายได้จะลดอย่างไร ซึ่งบริษัทได้พยายามแสวงหาธุรกิจเพิ่มนำรายได้มาทดแทนในส่วนที่หายไป นั่นก็คือธุรกิจที่ทำอยู่ปัจจุบัน ทั้งในส่วนของรถไฟฟ้า (EV) รวมถึงแบตเตอร์รี่ สถานีชาร์จอีวี และอื่นๆ

ส่วนประเด็นเรื่องรายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ปรับตัวลดลง ในส่วนนี้เป็นปัจจัยทางธรรมชาติ ซึ่งบางปีอาจจะลมดี และมีลมไม่ดีในบางปี อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าการปรับตัวลดลงของรายได้ Adder ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้ของบริษัทอย่างที่หลายคนเป็นกังวล เนื่องจากมีรายได้จากพลังงานทดแทนเพียงพอที่จะจ่ายหนี้พร้อมกับดอกเบี้ยได้โดยไม่ติดปัญหาแต่อย่างใด

“การหมดของ Adader ไม่ได้หมดพร้อมกันในปี 68 แต่จะทยอยหมดและใช้เวลาประมาณ 4-5 ปี และถึงแม้ว่า adder จะหมด แต่ราคาขายไฟฟ้าโซลาร์ยังสูงกว่าราคา FIT ที่ประมูลล่าสุด” นายสมโภชน์ กล่าว

สำหรับประเด็นที่มีกระแสข่าวลือว่า EA เป็นคนที่เข้าไปซื้อหุ้น NEX หลังจาก นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ถูกบังคับขายออกมาก่อนหน้านี้ ขอยืนยันว่า EA ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกรรมดังกล่าว ทั้งการเข้าไปซื้อเพื่อจะครอบครองบริษัท หรือการทำให้ราคาปรับตัวลดลง ซึ่งเบื้องต้นจากการสอบถาม นายคณิสสร์ ไม่พบผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จึงคาดการณ์ว่าหุ้นที่ถูกบังคับขายนั้นอาจจะมีรายย่อยเข้ามาเก็บหุ้นในตลาด

Back to top button