EA ไม่หวั่น Adder หมด! พร้อมย้ำฐานะ “การเงิน” แกร่งจ่ายหุ้นกู้ตามนัด

“สมโภชน์ อาหุนัย” ตั้งโต๊ะแถลง ย้ำฐานะการเงินแกร่ง พร้อมจ่ายหนี้หุ้นกู้ครบตามกำหนด ไม่กังวล Adder โรงไฟฟ้าทยอยหมดอายุ ชี้ยังมีกระแสเงินสดเข้ามาต่อเนื่อง ด้านเพิ่มทุน PP ให้ “คณิสสร์ ศรีวชิระประภา” เตรียมถกบอร์ดประเมินราคาเหมาะสม หลังราคาหุ้นปรับตัวลง พร้อมลุยสร้าง New S-Curve จากธุรกิจแบตฯ-ยานยนต์ไฟฟ้า เสริมแกร่งธุรกิจ


นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ร่วมชี้แจงกระแสข่าวลือและความกังวลเรื่องสถานะทางการเงินของบริษัทโดยเฉพาะเรื่องกระแสเงินลดลงจากค่า Adder ของโรงไฟฟ้าที่จะทยอยหมดลงนั้น โดยชี้แจงว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะทุกคนทราบถึงระยะเวลาของ Adder อยู่แล้วว่ามีระยะเวลา 10 ปี และบริษัทฯ ได้ระบุในรายงานประจำปีอย่างชัดเจนว่าโครงการไหน Adder จะหมดเมื่อไหร่ โดยแม้ว่า Adder จะหมดลง แต่ไม่ได้หมายความว่าในรายได้ส่วนนี้จะหายไปหรือกลายเป็นศูนย์ เพราะบริษัทยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฯ ตามปกติ ซึ่งบริษัทยังคงมีกระแสเงินสดเป็นรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ

สำหรับ Adder ที่จะทยอยหมดอายุนั้นไม่ได้หมดภายในปีนี้ทุกโครงการ แต่จะทยอยหมดอายุ โดยโครงการ Solar ลำปาง กำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ หมดอายุปี 2568, โครงการ Solar พิษณุโลก กำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ หมดอายุปี 2569, โครงการ Wind หาดกังหัน กำลังการผลิต 126 เมกะวัตต์ หมดอายุปี 2570 และโคงการ Wind หนุมาน กำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ หมดอายุปี 2572 ส่วนโครงการที่ Adder หมดอายุในปีที่แล้ว คือโครงการ Solar นครสวรรค์ แต่ยังสามารถขายไฟได้และบริษัทฯ ยังมีรายได้จากค่าไฟฐานอยู่ โดยประมาณการณ์รายได้รวมในปี 2568 หากหมด Adder ไปบางส่วนจะอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2573 รายได้รวมจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท ตามการหมดอายุของ Adder

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาในเรื่องของการรุกขยายธุรกิจ รวมถึงการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการชำระคืนหนี้หุ้นกู้ โดยบริษัทฯ มีการเตรียมความพร้อมและวางแผนการเงินไว้อยู่แล้ว และพยายามจะนำเงินไปทำอย่างอื่นมากกว่าแค่การฝากเงินแล้วได้ดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีเงินสดเพียงพอที่จะใช้จ่ายตามแผนการใช้เงิน โดยปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) ของบริษัทฯ อยู่ที่ 1.6 เท่า โดยอยู่ที่ 1.5-1.6 เท่า มาโดยตลอดไม่เคยสูงกว่าระดับดังกล่าว นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีเครดิตเรตติ้งอยู่ที่ BBB+ อยู่ในระดับ Investment Grade สะท้อนฐานะการเงินอยู่ในระดับที่ดี

โดยบริษัทมั่นใจว่าสามารถจ่ายดอกเบี้ยและชำระหนี้หุ้นกู้ได้ตรงตามกำหนดอย่างแน่นอน โดยยืนยันว่าต่อให้การลงทุนใน บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX รวมทั้งบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD แล้วต้องหยุดกิจการ บริษัทก็ยังสามารถจ่ายคืนเงินกู้ได้ครบถ้วน โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะ Rollover เพื่อให้มีการจ่ายคืนเงินให้กับผู้ถือหุ้นกู้ชุดเดิมจำนวน 5,500 ล้านบาท

ส่วนแผนการออกหุ้นกู้ชุดใหม่หากไม่สามารถระดมทุนได้ตามแผน บริษัทก็ยังมี Cash Flow จากธุรกิจอื่นที่เข้าไปลงทุนเข้ามาส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีวงเงินจากสถาบันการเงินที่ได้เตรียมไว้ในกรณีที่ไม่สามารถออกหุ้นกู้ได้ เพื่อนำเงินชำระคืนหุ้นกู้ชุดเดิม โดยการพูดคุยกับสถาบันการเงินเป็นแผนสำรองและมีความพร้อม อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะสามารถออกหุ้นกู้ได้ตามแผน สำหรับ Cash Flow ที่ติดลบในปีที่ผ่านมา จะทยอยกลับมาเป็นบวกในปีนี้และจะดีขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับหุ้นเพิ่มทุนที่ขาย PP ให้กับนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NEX ได้รับการยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะใส่เงินเพิ่มทุน เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจร่วมกับ EA โดยราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน PP อยู่ที่ 2.55 บาท จำนวน 75 ล้านหุ้น ขณะที่ราคาหุ้น NEX ปรับตัวลงต่อเนื่องมาจนเหลือราว 1.60 บาท บริษัทได้จ้างที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เพื่อมาทบทวนราคาที่เหมาะสมใหม่อีกครั้ง และคาดว่าจะนำเข้าคณะกรรมการในวันที่ 5 ก.ค.นี้

ในส่วนของโรงงานแบตเตอรี่ของ EA ซึ่งหลายฝ่ายกังวลเรื่องความสามารถการแข่งขัน หลังจากราคาแบตเตอรี่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมาบริษัทฯ และพันธมิตร ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี และได้ทำการศึกษาพร้อมกับปรับปรุงเทคโนโลยีที่ใช้ในกระบวนการผลิต จนขณะนี้ทำให้ต้นทุนปรับลดลงอยู่ใกล้เคียงระดับที่สามารถแข่งขันได้

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เตรียมแผนรองรับโดยการขับเคลื่อนธุรกิจไปในทิศทางที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลก ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการหาโปรเจคใหม่เพื่อสร้างรายได้อื่นๆ เพิ่มเติม จากการขยายการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะในจังหวัดภูเก็ตขนาด 9.9 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2569 ขณะเดียวกันยังได้มีการเซ็น PPP ตั้งศูนย์จัดการขยะบนพื้นที่เกาะล้าน โดยมีสัญญาระยะ 5 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานเชิงรุกที่มีอย่างต่อเนื่อง

อกจากนี้บริษัทฯ ยังมี Product Champions อาทิ การจับมือพันธมิตรแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF), ความร่วมมือกับ CRRC Dalian ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ผู้นำธุรกิจรถไฟความเร็วสูงของจีน ร่วมผลิตหัวรถจักรไฟฟ้า,เป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ (Commercial EV) และสถานีชาร์จของบริษัทได้รับการจดสิทธิบัตร ultra-fast charge ในระดับโลก มีหัวชาร์จมากกว่า 2,000 จุดครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ

โดยตลอดระยะเวลา 20 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา EA เป็นบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจใหม่และเป็นกระแสโลกเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่ เป็นเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่รวมถึงเป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจรในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้านับตั้งแต่การผลิตแบตเตอรี่ Li-ion การประกอบ รถบัสไฟฟ้า, รถบรรทุกไฟฟ้า, รถหัวลากไฟฟ้า และเรือไฟฟ้ารวมถึงสถานีชาร์จที่มีครอบคลุมมากที่สุดในประเทศ นับเป็นความภูมิใจที่เป็นบริษัทของคนไทยที่สามารถพิสูจน์ต่อสายตาชาวโลกว่า คนไทยทำได้

ด้านรถโดยสารไฟฟ้าของบริษัท ไทยสมายบัส จำนวน 2,000 คัน ได้ให้บริการมีผู้โดยสารใช้บริการมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉลี่ยจำนวนผู้โดยสารขณะนี้ประมาณ 350,000 คน/วัน และเชื่อว่าภายใน 1 ปีจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้

สำหรับ Super Holding Company ที่ร่วมมือกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแบบรวมศูนย์ของ สปป.ลาว โดยบริษัทฯ จะเป็นตัวแทนในการบริหารจัดการโครงการพลังงานทดแทน และการจัดการการส่งออกพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด คาดว่าหลังจากปรับโครงสร้างการถือหุ้นแล้วเสร็จจะสามารถรับรู้รายได้ในทันที โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี และบริษัทฯ มีสิทธิในสัมปทาน 25 ปี

ในส่วนของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ บริษัท NEX ก็ถือเป็นผู้นำตลาดของเมืองไทยที่มีคู่ค้า พันธมิตร ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ ให้การยอมรับ และพร้อมที่จะมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและใช้บริการของ NEX และขอยืนยันว่า EA ได้เตรียมเงินสดไว้เพียงพอสำหรับการเพิ่มทุนของ NEX ในครั้งนี้ เพื่อช่วยให้ NEX มีฐานทุนที่แข็งแรงสำหรับการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตต่อไปได้

“นักอุตสาหกรรมต่างชาติพากันชื่นชมว่าที่ทำมาริเริ่มเป็นรายแรก โดยไม่ได้รับการสนับสนุนการภาครัฐยังทำมาได้ขนาดนี้ จึงอยากขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐให้เห็นความสำคัญต่อการส่งเสริมเพื่อให้ธุรกิจของคนไทยไปแข่งขันในเวทีโลกได้ รวมไปถึงการขจัดปัญหาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจให้หมดไปด้วยสำหรับราคาหุ้น EA ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ไม่ได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง หรือ Valuation ของธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากธุรกิจทั้งกลุ่มบริษัท ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานทดแทน ที่เป็นเมกะเทรนด์นายสมโภชน์ กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button