AOT ย้ำ! ทวงคืนพื้นที่ “ดิวตี้ฟรี” ไม่กระทบ “รายได้” มีผลดีระยะยาว

“กีรติ กิจมานะวัฒน์” มั่นใจของคืนพื้นที่ “ดิวตี้ฟรี” ไม่กระทบรายได้ AOT และเป็นผลดีระยะเวลาหลังปรับพื้นที่ดังกล่าวรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นประมาณ 20 ล้านคน เชื่อกำไรปีนี้ยังเป็นไปตามเป้า  


นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยหลังแสดงวิสัยทัศน์ในงาน Dinner Talk เนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปี AOT: ENHANCE THE FUTURE มุ่งมั่นพัฒนาขับเคลื่อนสู่อนาคต ณ ห้องบอลรูม 1-2 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า ทิศทางการดำเนินงานกับการก้าวเข้าสู่ปีที่ 46 ที่ให้บริการด้านธุรกิจการบินของประเทศ โดยปี 2567 ถือเป็นปีการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินอย่างแท้จริง พร้อมตั้งเป้าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 120 ล้านคนอย่างแน่นอน หลังจำนวนผู้โดยสารในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา จำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการสนามบินที่อยู่ในความดูแลของ AOT เกินกว่าจำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการเมื่อปี 2562

ทั้งนี้ AOT คาดหวังว่าผู้โดยสารจากประเทศจีนเดินทางเข้าไทยมีเพียง 65% จากเดิมที่ AOT เคยรองรับผู้โดยสารกลุ่มนี้ที่ 100% ดังนั้นจึงยังมีจำนวนผู้โดยสารจากประเทศจีนที่ยังไม่ได้กลับมาประเทศไทยอีก 35% ซึ่งจะเป็นผลดีกับ AOT ในการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารสนามบินของ AOT ในปีหน้าไม่ต่ำกว่า 140 ล้านคน

ส่วนการขอคืนพื้นที่เชิงพาณิชย์จากผู้รับสัมปทานทั้งในส่วนของผู้โดยสารขาออก และผู้โดยสารขาเข้านั้น นายกีรติ ชี้แจงว่า เป็นการดำเนินการเพิ่มพื้นที่รองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้นอีก 20 ล้านคนต่อปี ด้วยจัดทำพื้นที่อำนวยความสะดวกในการพักคอย , co-working space , สนามเด็กเล่น , พื้นที่แม่และเด็ก ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางเหล่านี้ท่าอากาศยานในส่วนของ AOT ไม่เคยมีมาก่อน โดยการขอคืนพื้นที่คิดเป็นประมาณ 10% ของพื้นที่ที่ให้บริการ คิดเป็นรายได้ที่หายไปจาก 2 สนามบินในส่วนนี้ประมาณเดือนละ 90 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับจำนวนผู้โดยสารที่มากขึ้น

นายกีรติ ยังย้ำว่า การขอคืนพื้นที่เชิงพาณิชย์ (ดิวตี้ฟรี) ในครั้งนี้จะเป็นการดำเนินการตามสัญญาที่ได้ทำกับผู้รับสัมปทานกับการคิดคำนวณรายได้ที่จะจ่ายให้กับ AOT  ใหม่หากมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อที่การให้บริการ และจะไม่มีการยืดอายุสัญญาสัมปทาน หรือ ยกเลิกมินิมัมการันตีอย่างแน่นอน และมั่นใจว่ากระทบรายได้ของ AOT นัก เพราะรายได้เชิงพาณิชย์ตรงนี้ไม่ใช่รายได้ทั้งหมดของ ทอท. โดยรายได้จะมาจากการใช้บริการของผู้โดยสาร ซึ่ง AOT ยังมั่นใจในตัวเลขรายได้รวมของปี 2567 และ รายได้รวมของปี 2568 อย่างไรก็ตามทาง AOT ต้องรอทางศุลกากรแจ้งกำหนดการอีกครั้งก่อน AOT จึงจะสามารถวิเคราะห์เรื่องของรายได้ที่ชัดเจนและสามารถเริ่มแผนนี้ได้เมื่อไหร่อีกที ส่วนงบเตรียมปรับพื้นที่เพื่อเพิ่มความสะดวกผู้ใช้บริการเบื้องต้นประมาณ 100 ล้านบาท

สำหรับรายได้ของ AOT ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ถือได้ว่าเกิน 30,000 ล้านบาทนั้น นายกีรติ บอกว่า ค่อนข้างมั่นใจรายได้ของ AOT ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่ได้วางไว้ทั้งในส่วนของรายได้และกำไร โดยหลังจากนี้ไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเปิดใช้งานรันเวย์ที่ 3 ในช่วงเดือนกันยายนนนี้ รวมถึงอาคารผู้โดยสาร SAT1 ที่จะเปิดใช้งานเต็มระบบ และมีเที่ยวบินมาใช้บริการอย่างน้อย 250 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งจะทำให้ AOT รับรู้รายได้เพิ่มมากขึ้น

Back to top button