FTI มั่นใจรายได้ปี 67 แตะ 900 ล้านบาท แย้มเตรียมปิดดีล 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่จีน

FTI กางแผนปี 67 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% แตะ 900 ล้านบาท เตรียมปิดดีล 2 พันธมิตรจีน พร้อมลงทุนสร้างโรงงานใหม่เฟสแรกมูลค่าราว 300 ล้านบาท รองรับกำลังผลิตสินค้าและการร่วมมือพันธมิตรจีน คาดสร้างเสร็จปลายปี 68 หนุนผลงานเติบโตแกร่ง


ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ FTI เปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมายสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจ โดยตั้งเป้ารายได้ไตรมาส 2/2567 จะเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งได้ปัจจัยสนันสนุนจากการนำเสนอสินค้าบริการที่หลากหลายที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น พร้อมกับมีความมั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้ ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 900 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 10-15%

ขณะเดียวในปีนี้ FTI ได้เริ่มซื้อที่ดินจำนวนหนึ่งเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการร่วมลงทุนกับพันธมิตรจากประเทศจีน โดยที่ดินดังกล่าวจะถูกใช้เพื่อสร้างโรงงานผลิตอุปกรณ์เครื่องกรองน้ำและชิ้นส่วนอื่นๆ ซึ่งจะอยู่ในพื้นที่ปลอดภาษี หรือ EEC และมีแผนดำเนินการสร้างเฟสแรกในช่วง 1-2 เดือนนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเขียนแบบ ซึ่งหากเริ่มก่อสร้างคาดการณ์ว่าจะเสร็จสิ้นช่วงปลายปี 2568 ส่วนงบประมาณในการสร้างโรงงานนั้นจะอยู่ราว 200-300 ล้านบาท อนึ่งงบเบื้องต้นจะถูกทยอยลงทุนในแต่ละเฟส เนื่องจากเป็นโครงการที่ค่อยข้างใหญ่

นอกจากนี้ ความคืนหน้าการร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศจีนนั้นยังอยู่ระหว่างการหารือ 1 ราย ซึ่งคาดการณ์จะมีความชัดเจนขึ้นในไตรมาส 3/2567 พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนร่วมลงทุนกับพันธมิตรภายในประเทศอย่าง บริษัท บีพีเอส เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ BPS ซึ่งคาดการณ์จะมีข้อสรุปการร่วมลงทุนภายในสิ้นปีนี้ โดยการร่วมมือดังกล่าวเพื่อขายผลิตภัณฑ์ของ FTI ไปยังโครงการอสังหาริมทรัพย์ อาทิ หมู่บ้านและกลุ่มคอนโดมิเนียม

ในขณะที่แผนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังปี 2567 บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจในทุกมิติตามกลยุทธ์ที่ได้วางไว้เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องสำหรับปีช่วง 3 ปี (2567-2569) ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและขยายพื้นที่คลังสินค้าโดยการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น

อีกทั้งมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ระบบกรองน้ำใหม่อย่างต่อเนื่องอีกกว่า 15 ผลิตภัณฑ์ รวมถึงเมมเบรน ปั๊มน้ำใหม่และระบบบริหารจัดการน้ำสำหรับโครงการด้านชลประทานครอบคลุมการให้บริการทั้งลูกค้าครัวเรือน เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม พร้อมกับการเดินหน้าขยายสาขา Water Store เพิ่มเป็น 24 สาขา จากปัจจุบันที่มี 21 สาขา โดยสาขาที่เพิ่มใหม่ขึ้นมาแล้ว 1 แห่ง อยู่ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม

ส่วนการขยายสาขา Aquatek Shop อีก 20 สาขาเป็น 30 สาขา จากในปัจจุบันที่มี 10 สาขานั้น บริษัทได้เริ่มสร้างแล้ว 1 สาขา ตั้งอยู่ในพื้นที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลาและเตรียมดำเนินการสร้างเพิ่มอีก 10 สาขา โดยคาดการณ์ว่างบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างทั้ง Water Store และ Aquatek Shop เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.5-3 ล้านบาทต่อสาขา ทั้งนี้เหตุผลที่บริษัทยังมุ่งมั่นต่อยอดสาขาให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นนั้นมาจากการคาดการณ์ว่าจะมีลูกค้าเข้ามาร่วมธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการตั้งเป้าหมายไว้ที่อย่างน้อยที่สุด 20 ราย

ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่บริษัทคาดหวังไว้ คือ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงต่างประเทศ พร้อมกันนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าครัวเรือนระดับ High End ที่มี Life Style ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ทั่วประเทศด้วยการตลาดผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงการจัดโครงการอบรมผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ประกอบการ ตัวแทนจำหน่ายทั้งรายเก่ารายใหม่ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันให้สูงขึ้น

อีกทั้งบริษัทยังมีกลยุทธ์การเติบโตในระยะยาวผ่านการบริษัทยังคงศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจโดยอยู่ในระหว่างการหารือร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่อีกหลายรายที่มีความสนใจเข้ามาร่วมทุนในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิต วิจัย และพัฒนาระบบปั๊มน้ำรายใหญ่ โดยมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครอบคลุมทุกกลุ่มการใช้งานได้รับการยอมรับในคุณภาพของผลิตภัณฑ์จากสินค้าที่ส่งออกไปทั่วโลก ส่วนอีกรายเป็นผู้ผลิต วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีระบบน้ำรายใหญ่ของประเทศจีนเช่นเดียวกัน โดยมีประสบการณ์ยาวนานกว่า 35 ปี มีการพัฒนาแบรนด์อย่างแข็งแกร่ง ด้วยช่องทางการจำหน่ายมากกว่า 10,000 แห่ง และมีผลิตภัณฑ์จำหน่ายกว่า 65 ประเทศทั่วโลก

“บริษัทขอยืนยันว่า ผลการดำเนินงานจะยั่งยืนแน่นอน ซึ่งขอฝากนักลงทุนติดตามความก้าวหน้าของบริษัทการพัฒนาสิ่งดีๆรวมไปจนถึงการลงทุนในระยะยาวจากบริษัท” ดร.วิกร กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button