BANPU ขายหลุมก๊าซมะกัน! โบรกมอง “ตัดภาระขาดทุน” ลุ้นกำไรปีนี้แตะ 1.1 หมื่นล้าน
KKPS มองบวกหลัง BANPU ขายหลุมก๊าซ Chaffee และ Chelsea ในประเทศสหรัฐ ชี้ตัดภาระขาดทุนจากราคาก๊าซที่อยู่ในระดับต่ำในสหรัฐ อย่างไรก็ตามลุ้นกำไรปี 67 แตะ 1.1 หมื่นล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อการขายกิจการของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ในสหรัฐ โดยมองว่าจะมีผลกระทบที่จำกัดต่อผลกำไรของบริษัทฯและคาดว่าแนวโน้มราคาก๊าซในสหรัฐ และถ่านหินจะปรับตัวสูงขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ โดย BANPU มีปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองที่พิสูจน์แล้ว (1P) อยู่ที่ 5.15 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2566 ขณะที่ปริมาณ 1P ที่ขายออกไปคิดเป็น 3% ของปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองทั้งหมด ส่วนการผลิตของทั้ง Chaffee และ Chelsea อยู่ที่ราว 3 พันล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งคิดเป็น 1% ของการผลิตในสหรัฐทั้งหมดของ BANPU ที่มีอยู่ 3.14 แสนล้านลูกบาศก์ฟุต ณ สิ้นปี 2566
โดย KKPS เชื่อว่าสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดผลขาดทุนจากราคาก๊าซที่อยู่ในระดับต่ำในสหรัฐ และการที่ปริมาณการผลิตมีขนาดเล็กมากจึงจะส่งผลกระทบที่จำกัดต่อกำไรของ BANPU โดยในพอร์ตของ BANPU สินทรัพย์ (บริเวณที่ตั้งโรงผลิตของ Chaffee และ Chelsea) ที่อยู่ในบริเวณรัฐเพนซิลเวเนียตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ NEPA มักจะมีราคาขายก๊าซที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่อยู่ในแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ (Barnett) เนื่องจากใน NEPA มีส่วนลดในราคาขายก๊าซที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับราคาก๊าซใน Henry Hub โดยส่วนลดในราคาขายนั้นสะท้อนให้เห็นถึงต้นทุนที่สูงกว่า
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BANPU จากมูลค่าในปัจจุบันที่ไม่สูง โดยราคาอยู่ต่ำกว่าราคาเป้าหมายของ KKPS ที่ 8.6 บาท/หุ้น ถึง 44% และมี P/B อยู่ที่ 0.4 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้จุดต่ำสุดเมื่อเทียบกับตัวเลขตั้งแต่ปี 2551-2567นอกจากนั้นฝ่ายวิจัยจากธนาคารแห่งอเมริกา (BofA) ยังคาดว่าราคาก๊าซของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และในปี 2568 รวมถึงราคาถ่านหินก็จะสูงขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ด้วยเช่นกัน
โดย KKPS คาดว่า BANPU จะมีกำไรสุทธิในปีนี้อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท และปรับตัวสูงขึ้นเป็น 1.4 หมื่นล้านบาทในปี 2568 และ 1.68 หมื่นล้านบาทในปี 2569