DITTO ลุยประมูลงานรัฐ 2 พันลบ. หวังดันแบ็กล็อกแตะ 5 พันล้าน ประเดิม 2 หมื่นไร่ ออกโทเคน

DITTO ลุยประมูลงานภาครัฐ 2 พันล้านบาท รับเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67-68 หวังดันแบ็กล็อกแตะ 5,000 ล้านบาท ส่วนงานฐานราก “สวนสัตว์” ใกล้แล้วเสร็จเริ่มรับรู้รายได้ครึ่งปีหลัง ประเดิมขึ้นทะเบียน 2 หมื่นไร หลังเดือนส.ค. เดินหน้าออกเหรียญ “โทเคน” คาดภายในไตรมาส 4/67


บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS ระบุในบทวิเคราะห์(28 มิ.ย.67) ว่า บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO ในส่วนของธุรกิจระบบจัดการเอกสารแบบครบวงจรในรูปแบบดิจิทัล หรือ Document Management System ภายหลังเข้าถือหุ้นใหญ่ในบริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY ได้นำ Solution Service จาก 2 ทีมมาช่วยพัฒนาสินค้าร่วมกัน

ขณะเดียวกันงบประมาณปี 2567 เริ่มออกมา โดยหลังจากนี้จะมีรายได้เรื่องนี้มากขึ้น และมีการใช้ทีมขายร่วมกันและจะเกิดรายได้แบบ Recurring และขยายตลาดมากขึ้น ส่วนเรื่อง Cloud first Policy ที่ทำให้หน่วยงานภาครัฐใช้ระบบคลาวด์มากขึ้น จากเดิมที่ต้องเป็น On Premise เท่านั้น โดยระบบคลาวด์ที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐบริษัทไปร่วมในส่วน Platform on Cloud ซึ่งตอนแรก NETBAY กับ DITTO จะต่างกันคือ DITTO เป็นเรื่องภายในองค์กร แต่ NETBAY เป็นการเชื่อมต่อภายนอก ดังนั้นทั้งสองบริษัทจึงนำจุดแข็งดังกล่าวมา synergy ร่วมกัน

สำหรับงานศาลมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น และปีนี้จะมีงานกรมที่ดินที่เพิ่มขึ้นมามูลค่า 400 ล้านบาท จะเข้าประมูลใน 2 เดือน ส่วนงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.) เดิมที่ได้ไปแล้ว 180 ล้าน กำลังรอ เฟส 2 นอกจากนี้มีงานปรับปรุงหนี้กับธ.ก.ส.ซึ่งบริการลูกหนี้ทั่วประเทศ ส่วนงานในกลุ่ม อบต.,อบจ. งบไม่มากประมาณ 3-5 แสนบาท แต่มีจำนวนมาก และยังมีงาน MA Recurring ต่างๆอีกหลายโครงการ รวมทั้งงานจากกรมศิลปากร ซึ่งทำเอกสารทางโบราณคดีและวัตถุมูลค่า 68 ล้านบาท

อีกทั้งงบประมาณปี 67-68 ขั้นต่ำจะมีมาเพิ่มราว 1,000 ล้านบาท หรือถ้าได้โครงการใหญ่อีกอาจจะถึง 2,000 ล้านบาท และคาดว่างานในมือ(Backlog) จากระดับ 4,600 ล้านบาท จะแตะระดับ 5,000 ล้านบาท ในอีก 2 เดือน เพราะงบภาครัฐออกมามากขึ้น ส่วนความคืบหน้างานสวนสัตว์ ฐานรากใกล้เสร็จแล้ว ครึ่งปีหลังจะเริ่มรับรู้รายได้ของ DITTO แล้ว ส่วนโครงการจัดการสร้างพิพิธภัณฑ์ให้ความรู้ไม้มีค่า ซึ่งสัดส่วนมูลค่างานประมาณ 1,000 ล้าน จากมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างกำลังสร้างอาคารจะรับรู้รายได้ปีหน้า

ส่วนโครงการปลูกป่าเพื่อ Carbon Credit 93 ชุมชน ใน 8 จังหวัด ได้ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.67 และป่าปลูกใหม่ 2,000 ไร่ ขึ้นทะเบียน Premium TVER แล้ว และคาดว่าจะอนุมัติได้ในปลายเดือนสิงหาคม โดยโครงการดังกล่าวจะได้ Carbon Credit ประมาณ 1,7000 ตันต่อปี ส่วนอีกกลุ่มก็จะขึ้นทะเบียนตามหลังจากนั้นจะทำ Green Tokenize เพื่อนำเงินไปพัฒนาป่าชายเลน

สำหรับผลการดำเนินไตรมาส 1/67 บริษัทมีรายได้ในกลุ่ม BU Technology Engineering โตขึ้น 54% แต่จะมี GP ที่ต่ำกว่า BU Technology โดยไตรมาส 1/67 บริษัทไม่ได้รับรู้รายได้จากโครงการสวนสัตว์ และโครงการไม้มีค่าเลย โดย ณ สิ้นเดือนมี.ค.67 บริษัทมี Backlog  ประมาณ 4,624 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่ม Engineering ประมาณ 2,709 ล้านบาท และ Data & Document Management ประมาณ 1,915 ล้านบาท

นอกจากนี้ DITTO ได้เปิดเผยความคืบหน้าแผนงานในอนาคต โดยในส่วนของงาน service ในพื้นที่กทม.และพัทยาขณะนี้ไม่มีแผน เพราะส่วนใหญ่จะเน้นไปตามต่างจังหวัดมากกว่า ส่วนงานกล้องติดตัวตำรวจเนื่องจากกฎหมายเริ่มบังคับให้เจ้าหน้าที่ติดกล้องเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ และมีการบันทึกข้อมูลเหมือนกล้องวงจรปิดเพื่อสามารถนำไปวิเคราะห์ข้อมูลได้ โดยเริ่มจากทำการเชื่อมข้อมูลของศาล และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกันได้ อีกทั้งจะเพิ่มโอกาสที่บริษัทจะก้าวไปคือเรื่องของ Data ซึ่งบริษัทมี foot print อยู่แล้ว ซึ่งเปิดโอกาสให้เข้าไปรับงานของกรมตำรวจ และถือเป็นส่วนหนึ่งที่ให้บริษัทสามารถเข้าไปขยายจุดแข็งที่มีอยู่ และสามารถต่อยอดธุรกิจในอนาคตได้

สำหรับงานกล้องติดตัวตำรวจที่ทำให้รายได้เติบโตมากในไตรมาส 1/67 และในอนาคตแม้ยังไม่มีเข้ามาเพิ่มเติม แต่มองว่างานดังกล่าวจะช่วยต่อยอดงานในอนาคต และบริษัทยังเน้นที่งาน Data Recurring  บวกกับได้พันธมิตรอย่าง NETBAY และ TEAMG มาร่วมงานและมีจุดแข็งของแต่ละบริษัทซึ่งจะช่วยเสริมกันอย่างมาก ส่วนงานกล้องตำรวจบริษัทมองว่าจะมาช่วยต่อยอดงานในอนาคตได้ เนื่องจากงานด้านศาลของบริษัทซึ่งข้อมูลตำรวจก็ต้องมาเชื่อมต่อกัน และทางศาลปรับระบบเป็น E filing แล้ว ซึ่งทางอัยการก็พร้อมมาเชื่อมโยงแล้ว ภาพใหญ่คือสำนวนคดีจะต้องปรับเป็น Digital และมีการเชื่อมโยงกันศาล-ตำรวจ-อัยการ ต้องเชื่อมกัน ขาดแต่รองบประมาณภาครัฐ

ด้านการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้าไม่มีผลกระทบเนื่องจากบริษัทได้มีการสำรองเงินทุนไว้เพียงพอ เพื่อรอรับงานใหญ่ระดับเป็นหมื่นล้านโดยไม่ต้องกู้ยืม อีกทั้งบริษัทไม่มีหุ้นกู้ และไม่ได้กู้สถาบันการเงินเห็นได้จาก D/E Ratio ที่ต่ำมาก ส่วนสถานการณ์การเบิกจ่ายภาครัฐมองว่าพ้นจุดต่ำสุด และมีการเร่งเบิกจ่ายแล้ว

ส่วนการร่วมงานกับ NETBAY ถือเป็นมืออาชีพมาก โดย DITTO ถนัดหางานสร้างโอกาสทำ Data document Management เรื่องข้อมูลในองค์กร ใน 1 องค์กรมีข้อมูลหลายมิติ เช่นฝั่งบุคคล ฝั่งขาย เราเก่งเรื่องการจัดการข้อมูลให้เป็นระบบเข้าถึงง่าย

ในขณะที่ NETBAY ที่เข้ามาจะช่วยมาเชื่อมองค์กร A ไป B (Gateway) องค์กร A อาจจะใช้ภาษาแบบนึง B แบบนึง ซึ่ง NETBAY ทำหน้าที่เชื่อมส่วนนี้ ตรงนี้ถือว่ามาช่วยเสริมประโยชน์กันได้แข็งแกร่ง และช่วยสร้าง Productc และ Service ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้า เนื่องจาก NETBAY เก่งด้านกรมศุลกากร และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ซึ่งในส่วนงานกรมศุลเป็นการเชื่อมโยงกับลูกค้าเพื่อนำเข้าส่งออก ขณะที่ปปง. เป็นการทำเรื่องการตรวจสอบข้อมูลบุคคล โดย DITTO ไม่ได้ทำในส่วนนี้แต่ในอนาคตไม่แน่ ส่วนอนาคตยังไม่มีแผนซื้อหุ้น NETBAY เพิ่มเติมการเข้าซื้อที่ผ่ารมาเพราะมีมุมว่าจะมาช่วยเสริม synergy ร่วมกัน

สำหรับสัดส่วนรายได้งานภาครัฐและเอกชนบริษัทปัจจุบัน ในกลุ่ม Engineering Project เป็นงานรัฐ 100% และงานด้าน Data มีสัดส่วนเอกชน 60% และงานภาครัฐ 40% และงาน Post เป็นเอกชน 70%

ส่วนความคืบหน้างานภาครัฐในไตรมาส 2/67 อยู่ระหว่างรอลงนามสัญญามูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาเติม backlog เดิม 4,600 ล้านบาท และงานภาครัฐส่วนใหญ่บริษัทเน้นงานที่ถนัด ส่วนงานงาน อบต,อบจ, ที่ได้ร่วมกับ NETBAY ที่เป็นงานกิจการค้าร่วม(Consotium) จะมีงานที่ทับซ้อนกันมั้ย สำหรับบริษัทจะเป็นงาน Platform มากกว่า และบริหารจัดการให้หน่วยงาน ซึ่งงบประมาณนี้ไม่ใหญ่ ซึ่งเมื่อก่อนเป็น On Premise ต่อไปถ้าเปลี่ยนเป็น Cloud จะดีขึ้นมาก

ด้านงานที่ทำร่วมกับ NETBAY คิดราคายังไง หลายแบบทั้งการซื้อสินค้า มา ก็เป็นราคาตลาด การจ้างงานก็จ้างตามราคาตลาด ทุกอย่างยุติธรรม โปร่งใส มีหลายสัญญาจ้างที่ทำด้วยกัน หรืออาจจะเป็นแบบกิจการค้าร่วมทำให้ต้นทุนรวมลดลง

ส่วนงานองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หลังพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ประกาศใช้ ตอนนี้งบประมาณยังไม่ได้ออก แต่เริ่มมีดีมานด์ปีนี้น่าจะดีขึ้นมาก

ส่วนโครงการปลูกป่าชายเลนนั้น ปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งหมด 170,000 ไร่ โดย 2,000 ไร่ขึ้นทะเบียน Tver Premium แล้ว โดยใน 20,000 ไร่ บางส่วนขึ้น Premium และบางส่วนขึ้น T-ver ซึ่งแผนงานป่าปลูกขณะที่ได้ครบตามที่ตั้งใจแล้ว โดยขั้นตอนต่อไปคือทำเอกสารขึ้นทะเบียน 1,7000 ไร่ คาดในอีก 2 เดือน และรวมได้ 20,000 ไร่ หลังเดือนส.ค.67 จากนั้นจะเข้าก.ล.ต. ทำ Tokenize และจะสรุปปริมาณ Carbon Credit ในช่วงเวลาว่าได้เท่าไหร่ และแปลงเป็นเหรียญแล้ว ICO โดยในไตรมาส 4/67 น่าจะเห็นภาพชัดเจน และพอได้ปริมาณเหรียญก็จะทำเรื่องราคา ความเสี่ยง Return ผลตอบแทน ซึ่งจะมีหน่วยงานกลางที่ Verify คือ VVB มาทำเรื่องนี้( ตรวจวัด)

สำหรับพ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ…และภาษีคาร์บอน หรือ Carbon Tax ในปีหน้าจะมาผละกระทบมากน้อยขนาดไหน หากถามก่อนหน้านี้คือใครลงทุนและซื้อ carbon credit พอมีกฏหมายออกมาจะเกิดความชัดเรื่องดีมานด์ว่าใครจะซื้อ Carbon credit และเท่าไหร่ ซึ่งร่างพรบ.ที่ออกมาจะพูดเรื่อง Carbon Tax,Carbon Credit ,Allowance (สิทธ์ในการปล่อย และถ้าเกินต้องจ่ายค่าปรับ) ซึ่งดีมานด์จะเกิดจากกลุ่ม Allowance ใช้สิทธิปล่อยเกินและต้องเสียค่าปรับและมาซื้อ Carbon credit ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์ปัจจุบันเก็บ 1 ตัน อยู่ที่ 25 เหรียญสิงคโปร์ และจะขึ้นเป็น 45 เหรียญสิงคโปร์ และในอนาคตจะขึ้นเป็น 50-80 เหรียญสิงคโปร์ ซึ่งในไทยก็น่าจะคล้ายกัน

ส่วนต้นทุนในการปลูกป่าชายเลน เกณท์ราคาการปลูกชัดเจนตั้งแต่หลายพันจนถึงหมื่นบาทต่อไร และค่าบำรุงรักษา ดังนั้นราคาขายขึ้นกับความต้องการ และกึ่ง CSR ยังไม่ได้เอาราคานี้มาอ้างอิง ซึ่งได้จ้างบริษัทมาทำการวิจัยเรื่องมทิศทางพบว่าราคาจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามความเข้มของมาตรการ CBAM

ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในการให้หน่วยงานกลางมาวัด Carbon ต่อครั้งไม่สูงมากประมาณ หมื่นไร่ 4-5 แสนบาท ดังนั้นถ้าราคา T-ver Premium ไม่สูงสามารถปรับเป็น Vera ได้ แต่ต้องขออนุญาติประเทศด้วย เพราะการเอาป่าของไทยไปขายข้ามประเทศต้องได้รับการอนุญาติก่อน( ถ้า B2B ทำได้ )แต่ต้นทุนจะต่างกันต้องให้ Vera มา verify เนื่องจากไทยปล่อย Carbon ประมาณ 370 ล้านตันต่อปี ซึ่งคนทำธุรกิจเรื่องการปลูกป่าแบบเดียวกับเราเลยไม่น่าจะมี เพราะเราได้พื้นที่มากกว่าคนอื่น กำลังการผลิตได้ไม่เกิน 1 ล้านตันต่อปี ในแง่ดีมานด์คือขาดมากๆ ดังนั้นอยากช่วยประเทศก่อน อยากให้คนมาทำธุรกิจ Carbon credit  กันมากๆ เพื่อประเทศของเรา

Back to top button