SUPER ปิดจ๊อบขาย “ทานตะวัน โซล่าร์” 4.9 พันลบ. นำเงินชำระหนี้-ลุยประมูลพลังงาน 5,000 MW
SUPER ปิดจ๊อบขาย “ทานตะวัน โซล่าร์” 4.9 พันล้านบาท นำเงินชำระหนี้-ลุยประมูลพลังงานหมุนเวียน 3,600 – 5,000 MW ลุยสร้างผลงานหนุนผลการดำเนินงานโตต่อเนื่อง
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่ได้มีการรายงานแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทเรื่องการอนุมัติการเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นแบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน เพื่อจำหน่ายหุ้นของ บริษัท ทานตะวัน โซล่าร์ จำกัด ( SUNFLOWER) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่จัดตั้งขึ้นที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยคณะกรรมการของบริษัทฯได้มีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มและการเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นแบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน เพื่อจำหน่ายหุ้นของ SUNFLOWER เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567(ธุรกรรมที่ 1) และที่ประชุมคณะกรรมการของ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี กรุ๊ป จำกัด(SEG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่ได้มีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มและการเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นแบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน เพื่อจำหน่ายหุ้นของ SUNFLOWER เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567(ธุรกรรมที่ 2) ให้กับ บริษัท เลวันตา รีนิวเอเบิลส์(ประเทศไทย) จำกัด (“LEVANTA”) โดย LEVANTA ได้รับการสนับสนุนโดย Actis ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนชั้นนำระดับโลกทางด้านธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความยั่งยืน
ล่าสุดบริษัทฯขอรายงานความคืบหน้าให้ทราบว่าเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 บริษัทฯ และ SEG ได้จำหน่ายหุ้นสามัญสำหรับธุรกรรมที่ 1 และ ธุรกรรมที่ 2 ในสัดส่วนร้อยละ 31 และร้อยละ 59 ของ SUNFLOWER ตามลำดับ ให้กับ LEVANTA เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้รับชำระค่าหุ้นสามัญจำนวน 4,828 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าดังกล่าวไม่มีผลกระทบกับขนาดรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของธุรกรรมที่ 1 และ ธุรกรรมที่ 2 ตามที่ได้เปิดเผยไว้ในรายงานแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 โดย SUNFLOWER ได้สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้บริษัทฯขอเรียนให้ทราบว่าภายหลังจากการจำหน่ายหุ้นสามัญสำหรับธุรกรรมที่ 1 และ ธุรกรรมที่ 2 ในสัดส่วนร้อยละ 31 และร้อยละ 59 ของ SUNFLOWER ตามลำดับ ให้กับ LEVANTA เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ และบริษัทในเครือของบริษัทฯ จะยังคงให้การค้ำประกันเงินกู้ธนาคารทั้งหมดของบริษัทย่อยภายใต้ SUNFLOWER ต่อไปจนกว่าการดำเนินการตามหน้าที่ภายหลังการทำธุรกรรมเสร็จสิ้นของ SUNFLOWER และบริษัทย่อยภายใต้ SUNFLOWER จะแล้วเสร็จ ซึ่งจะไม่เกินระยะเวลา 6 เดือนโดยประมาณ และขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากธนาคาร ทั้งนี้ เมื่อบริษัทฯ และบริษัทในเครือของบริษัทฯ ได้รับการอนุมัติ สัดส่วนการค้ำประกันของบริษัทฯจะลดลงเหลือเท่ากับสัดส่วนที่บริษัทฯยังคงถือหุ้นใน SUNFLOWER ต่อไป
นายจอมทรัพย์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้หลังได้รับเงินจากการจำหน่ายหุ้น บริษัทฯ เตรียมนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม เพื่อลดภาระดอกเบี้ย ส่งผลให้หนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลง สภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น และเป็นเม็ดเงินรองรับการลงทุนในโครงการต่างๆ รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าที่ได้รับคัดเลือกจาก คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2569–2572 รวมถึงนำไปใช้ลงทุนในโครงการ Direct PPA และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
“เชื่อว่าเม็ดเงินที่ได้ครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ มีฐานทุนที่แข็งแกร่ง และเป็นโอกาสในการรับงานในอนาคต ขยายโรงไฟฟ้าใหม่เพิ่ม ซึ่ง LEVANTA เป็นบริษัทในเครือของ Levanta Holding Pte., Ltd. ถือหุ้น 100% โดย Levanta Holding Pte., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำทางด้านธุรกิจพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีกองทุน Actis Energy Fund 5 (AE5) ซึ่งเป็นกองทุน Private Equity เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทางอ้อม โดยกองทุน AE5 บริหาร โดย Actis ถือเป็นบริษัทลงทุนชั้นนำระดับโลกทางด้านธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน“ ” นายจอมทรัพย์กล่าว
สำหรับบริษัท SUNFLOWER ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ภายใต้การดำเนินงานจำนวน 8 บริษัท จำนวน 24 โครงการ กำลังการผลิตรวม 139.40 เมกะวัตต์ และได้ดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้วทั้ง 24 โครงการ
นายจอมทรัพย์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ มีความพร้อมในการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งเข้าประมูลขายไฟฟ้าในส่วนของพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 3,600 – 5,000 เมกะวัตต์ ของภาครัฐ โดยตั้งเป้าได้งานไม่น้อยกว่า 10% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ทั้งนี้บริษัทฯ วางเป้ารายได้เพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2567 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตสร้างสถิติสูงสุดใหม่จากปี 2566 มีรายได้รวม 10,130.71 ล้านบาท
โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตตามปริมาณเสนอขายตาม PPA ที่ 2,369.79 เมกะวัตต์ COD ไปแล้ว 1,626.11 เมกะวัตต์ เตรียม COD อีก 30 เมกะวัตต์ในปีนี้