“สหรัฐ” ยอดขายน้ำหอมพุ่ง 13% สะท้อนพฤติกรรมเปลี่ยนหลังเจอโควิด
“สหรัฐฯ” พบยอดจำหน่าย “น้ำหอม” พุ่งสูง สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคหลังโรคระบาดใหญ่ ทำให้มีเงินเก็บเพิ่มมากขึ้นและนำเงินไปใช้จ่ายตามใจชอบ
สำนักข่าวซินหัว รายงานอ้างอิง เซอร์คานา (Circana) บริษัทวิจัยตลาดของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์น้ำหอมมียอดจำหน่ายเติบโตเร็วที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามระดับพรีเมียมในสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ในช่วงไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ของปีนี้ โดยยอดจำหน่ายเมื่อปีก่อนสูงกว่า 100 ล้านชิ้น และคาดว่ามูลค่าต่อปีจะสูงถึง 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.27 แสนล้านบาท) ภายในปี 2569
โดยหนังสือพิมพ์เดอะ วอชิงตัน โพสต์ รายงานเกี่ยวกับแนวโน้มดังกล่าวว่ากลุ่มผู้ซื้อครั้งแรกและผู้ชายเป็นกลุ่มขับเคลื่อนให้ยอดจำหน่ายน้ำหอมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์ระดับไฮเอนด์ ส่วนผู้ซื้ออายุน้อยอย่างวัยรุ่นมักซื้อน้ำหอมแบบชุดเซ็ตของขวัญและบอดี้สเปรย์ที่ราคาต่ำกว่า
รายงานยังชี้ว่ายอดจำหน่ายน้ำหอมที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปหลังเกิดโรคระบาดใหญ่ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันมีเงินเก็บออมมากขึ้นและต้องการซื้อสินค้าตามใจตัวเอง
เซอร์คานา ระบุว่า ยอดจำหน่ายน้ำหอมในกลุ่มนักชอปอายุ 25-44 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 โดยเฉพาะครัวเรือนที่มีเด็กๆ ยิ่งมียอดจำหน่ายโตเร็ว ส่วนเจนอัลฟา (Gen Alpha) หรือกลุ่มคนที่เกิดปี 2553-2567 มักซื้อบอดี้สเปรย์ที่แม้กลิ่นไม่ติดทนเท่าน้ำหอม แต่มีราคาถูกกว่า
กลุ่มบริษัทด้านผลิตภัณฑ์ความงามอย่างโคตี้ (Coty) พบว่าแบรนด์ชั้นนำ 7 แบรนด์ของบริษัทฯ ได้แก่ ฮิวโก้ บอส (Hugo Boss) เบอร์เบอรี่ (Burberry) คาลวิน ไคลน์ (Calvin Klein) โคลเอ้ (Chloe) ดาวิดอฟ (Davidoff) กุชชี (Gucci) และมาร์ค เจคอบส์ (Marc Jacobs) คิดเป็นสัดส่วนเกือบร้อยละ 90 ของยอดจำหน่ายน้ำหอมของบริษัทฯ โดยรายได้สุทธิหมวดหมู่นี้เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 60 เมื่อเทียบปีต่อปี
รายงานชี้ว่าภาคอุตสาหกรรมความงาม ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์แต่งหน้า ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ง่ายไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะเป็นอย่างไร
ด้านลาริสซา เจนเซน ที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรมความงามของเซอร์คานา กล่าวว่าผู้บริโภคซื้อผลิตภัณฑ์ความงามทั้งช่วงที่อารมณ์ดีและรู้สึกไม่ดี โดยหากอยู่ในช่วงเศรษฐกิจซบเซา พวกเขาอาจซื้อของฟุ่มเฟือยราคาถูกเพื่อทำให้อารมณ์ดีขึ้น
(แฟ้มภาพซินหัว : ผู้คนเดินผ่านร้านค้าแห่งหนึ่งบนถนนฟิฟท์อเวนิวในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ)