เปิด 6 หุ้นเก็งรับงบ “ดิจิทัลวอลเล็ต” – ปรับเงินเดือนครู

เปิด 6 หุ้นเก็งรับเม็ดเงิน “ดิจิทัลวอลเล็ต” พร้อมกับปรับอัตราเงินหนุนสมทบเงินเดือนครูเป็น 1.8 หมื่นบาท หนุนยอดขายและค่าธรรมเนียม รวมถึงดอกเบี้ยการปล่อยกู้อาจเพิ่มขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบตามความเห็นสำนักงบประมาณ ที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอปรับอัตราเงินหนุนสมทบเงินเดือนครูจาก 15,000 บาท เป็น 18,000 บาท โดยทยอยปรับภายในระยะเวลา 2 ปี รวมถึงการอุดหนุนเงินเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่เกิน 200 คน

รวมถึงเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เป็นจำนวนไม่เกิน 122,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวส่วนใหญ่ที่จะใช้โครงการ Digital Wallet คาดนำเข้าสู่การพิจารณาสภาวาระแรก วันที่ 17 ก.ค.นี้

สำหรับจากการที่ ครม. อนุมัติ 2 เรื่องดังกล่าว บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองบวกต่อทิศทางเม็ดเงินใหม่ที่เข้ามาหนุนการจับจ่าย โดยมองบวกต่อหุ้น Domestic อาทิ กลุ่มค้าปลีก เน้น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)  หรือ CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT รวมถึงกลุ่มเช่าซื้อ เน้น บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC

นอกจากนี้กลุ่มธนาคาร เน้น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และกลุ่มเครื่องดื่ม เน้น บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP, บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า CPALL แนวโน้มกำไรครึ่งหลังของปี 2567 จะเติบโตจากงวดเดียวของปีก่อน ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวหลังผ่านจุดต่ำสุดของปีในเดือน พ.ค. บวกกับการเพิ่มสินค้าประเภท Ready-to-eat และ Ready-to-drinks รวมถึงสินค้าใหม่ๆจาก SME และเชื่อว่าสาขาเดิม SSSG ที่มีโอกาสอ่อนตัวลงตามปัจจัยฤดูกาลช่วงไตรมาส 3/2567 เป็นโอกาสในการเข้าสะสม คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 79 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดกำไรปกติไตรมาส 3/2567 จะเติบโตต่อจากงวดเดียวของปีก่อน และลุ้นขึ้นจากไตรมาสก่อน ผลักดันอัตราทากาไรที่จะดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ Lotus’s ที่คาดเห็นอัตรากาไรขั้นต้นโตเร่งขึ้นเข้าใกล้เป้าผู้บริหารเพิ่มขึ้น 50bps จากงวดเดียวของปีก่อน ส่วนธุรกิจ MAKRO เริ่มทรงตัวถึงลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน จากการประหยัดต่อขนาดและการปรับปรุงการขนส่งสินค้ามีประสิทธิภาพขึ้นตามเป้าลด 10-20 bps ในสิ้นปี

ขณะที่ไตรมาส 4/2567 จะเป็นจุดสูงสุดของปี เพราะเป็น High season และทยอยรับรู้ผลบวกการปรับโครงสร้างควบกิจการMAKRO และ Lotus’s ที่จะแล้วเสร็จในต้นไตรมาส 4/2567 ทั้งนี้ ตาม timeline กาลังอยู่ในช่วงรอ CPALL แจ้งช่วงวันรับซื้อหุ้น CPAXT จากผู้คัดค้านที่มีสิทธิ์ราว 0.46 ล้านหุ้นที่ราคา 31.25 บาทต่อหุ้น แนะนำ “ซื้อ” มีราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 39 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ต่อ TMC ว่ายังคงประมาณการกำไรปี 2567 อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.50% จากงวดเดียวของปีก่อน โดยกำไร 6 เดือนแรกปี 2567 คิดเป็น 46.90% แต่คาดว่าครึ่งปีหลังกำไรของ MTC จะเพิ่มสูงขึ้นตามทิศทางสินเชื่อที่คาดจะเร่งตัวขึ้นอีก คงราคาพื้นฐาน 52 บาท ยังเหลือส่วนต่างพอสมควรจึงยังคง แนะนำ “ซื้อ”

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ต่อ KBANK คาดการณ์กําไรปี 2567 อยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น1% จากงวดเดียวของปีก่อน โดยหากกําไรงวดไตรมาส 2/2567 ทำได้ 12,207 ล้านบาท ออกมาตามคาด จะทำให้กําไรงวดครึ่งแรกของปี 2567 คิดเป็นราว 60% ของประมาณการทั้งปี ทั้งนี้กําไรงวดครึ่งแรกปี 2567 จะอ่อนตัวลงตามฤดูกาลเป็นปกติ เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4/2567 จะมีค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน

ดังนั้นคงราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 141 บาท อิง PBV 0.60 เท่า โดย Upside ค่อนข้างจํากัดขณะที่ในเชิงเปรียบเทียบถือว่าน่าสนใจน้อยกว่ากลุ่มจากคุณภาพหนี้ และสํารองส่วนเกิน ทำให้ปรับคำแนะนําเป็น “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ต่อ OSP ประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 3,204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวของปีก่อน และกำไรปกติเพิ่มขึ้น 47% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนโดย 1) รายได้รวมเพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวของปีก่อน จากรายได้ domesticbeverage เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และ international business เพิ่มขึ้น 16% จากงวดเดียวของปีก่อน และ 2) GPM ขยายตัว จากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง, volume การผลิตที่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลด

ดังนั้น คงราคาเป้าหมายที่ 28.00 บาท อิงปี 2567 PER 26.0 เท่า ชอบ OSP จาก 1) market share ของenergy drink ในประเทศที่ฟื้นตัว, 2) รายได้เมียนมาเติบโตสวนกระแสความไม่สงบในเมียนมา โดยได้ประโยชน์จากโรงงานที่ตั้งอยู่ที่เมียนมา ส่งผลให้ยอดขาย Shark ดีต่อเนื่อง และ 3) valuation ไม่แพงปัจจุบันเทรดอยู่ที่ปี 2567 PER 21.7 เท่า น่าสนใจ ยังไม่สะท้อนกำไรปี 2567 ที่เติบโตโดดเด่น เพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวของปีก่อน

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ต่อ CBG  ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานโตดีไตรมาส 2/2567 –ไตรมาส 3/2567 โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดแนวโน้ม Earnings momentum ดีต่อเนื่องในไตรมาส 2 – ไตรมาส 3 จากธุรกิจเครื่องดื่มชูกาลังในประเทศ และการส่งออก รวมทั้งธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (โดยเฉพาะเหล้า) 3) ลุ้นมาตรการภาครัฐฯหนุน

โดยประเมินมาตรการดิจิทัลวอลเล็ตที่เตรียมประกาศปลายเดือนนี้ จะหนุน Sentimentการใช้จ่ายอุปโภค–บริโภคในประเทศช่วงไตรมาส 4/2567  ขณะที่คาดแนวโน้มกำไรปีนี้โต 24% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าพื้นฐาน 84 บาท

Back to top button