4 หุ้น “ไอที” เฟล! ไม่เข้าเงื่อนไขใช้เงิน “ดิจิทัลวอลเล็ต”
โบรกมองลบต่อ 4 หุ้น IT คือ COM7-JMART-SPVI-CPW หลังไม่เข้าเกณฑ์เงื่อนไขใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต เข้าข่ายรายการสินค้าซื้อไม่ได้ ต้องออกจากโครงการ รวมถึงลดงบประมาณ 5 แสนล้านบาท เหลือเพียง 4.5 แสนล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่าคณะอนุกรรมการนโยบาย Digital Wallet มีข้อสรุปเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย เนื่องจากมีการปรับลดงบประมาณ 5 แสนล้านบาท เหลือเพียง 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้สมมติฐานอัตราส่วนผู้ใช้สิทธิ์ในโครงการราว 90% ของกลุ่มคนที่มีสิทธิ์ 50 ล้านคน) และไม่ใช้งบจากธกส. แต่ใช้เป็นงบประมาณปี 67-68 เพียงพอ โดยมองลดความเสี่ยงอาจทำให้นโยบายดังกล่าวเดินหน้าต่อไม่ได้
ทั้งนี้ เพิ่มกลุ่มสินค้าที่ห้ามนำเงินดิจิตอลไปใช้สิทธิ์ในกลุ่มสินค้านำเข้า เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ มือถือ ข้อดี คือ คาดการณ์ว่าจะเห็นกำลังซื้อไปยังสินค้าจำเป็น ได้ต่อเนื่อง มองจิตวิทยาลบต่อ หุ้นในกลุ่มค้าปลีกมือถือ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7, บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)หรือ JMART, บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI, บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW
โดยหลังจากนี้ ติดตามความชัดเจนเพิ่มเติมในวันที่ 15 ก.ค.67 ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่วันที่ 24 ก.ค.67 การแถลงถึงนโยบายดังกล่าวของนายกฯ และวันที่ 30 ก.ค.67 จะเป็นวันที่นำเรื่องเข้า ครม. พิจารณา ผลบวกโครงการดังกล่าวที่ยังไม่รวมในประมาณการตลาดและกำไรกลุ่ม Domestic ที่ได้ประโยชน์ อาทิ กลุ่มค้าปลีก คือ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT, บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP, CPALL, BJC, DOHOME และกลุ่มเครื่องดื่ม ได้แก่ OSP, CBG, ICHI
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเช่าซื้อ คือ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT และกลุ่มธนาคาร คือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB
ขณะที่รายละเอียดที่เปลี่ยนใหม่น่าจะช่วยผลักดันนโยบายได้ไว รวมถึงผลกระทบวินัยการคลังน้อยลง อย่างไรก็ดี เม็ดเงินที่ลดลงทำให้เป็นลบอ่อนๆ เทียบกับความคาดหวังตลาดเดิม ขณะที่ในส่วนผลบวกต่อ GDP ภายใต้เม็ดเงินดังกล่าว นักเศรษฐศาสตร์ KSS ประเมินจะเป็น Upside ต่อ GDP งวดไตรมาส 4/67 และปี 68 ราว 0.6% ซึ่งขึ้นอยู่กับช่วงเวลาใดเท่าไรอยู่ที่วันที่นโยบายมีผล