“ดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 247 จุด หวัง “เฟด” ลดดอกเบี้ยก.ย.นี้!

“ดาวโจนส์” ปิดบวก 247.15 จุด แตะระดับ 40,000.90 จุด นักลงทุนเข้าเก็งกำไรหวัง “เฟด” ลดอกเบี้ยเดือนก.ย.นี้ ทั้งนี้ บริษัทที่มีมูลค่ามากดีดตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (12 ก.ค. 67) โดยทั้งดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 แตะระดับสูงสุดของวันเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย. แต่หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ปรับตัวลงหลังการรายงานผลประกอบการที่ไร้ทิศทาง

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,000.90 จุด เพิ่มขึ้น 247.15 จุด หรือ +0.62%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,615.35 จุด เพิ่มขึ้น 30.81 จุด หรือ +0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,398.44 จุด เพิ่มขึ้น 115.04 จุด หรือ +0.63%โดยดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 พุ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาลได้ก่อนปิดตลาดลดช่วงบวกลง และในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.6%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.9% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 0.2%

ขณะที่ราคาหุ้นของบรรดาบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดดีดตัวขึ้นหลังจากร่วงลงเมื่อวันพฤหัสบดี โดยหุ้นแอปเปิ้ลและหุ้นอินวิเดียปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% ส่วนหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของโลก ร่วงลง 1.2% แม้เปิดเผยผลกำไรไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นโดยได้แรงหนุนจากค่าธรรมเนียมด้านวาณิชธนกิจที่เพิ่มขึ้น ด้านหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 6% หลังประมาณการรายได้จากดอกเบี้ยรายไตรมาสต่ำกว่าคาด ขณะที่หุ้นซิตี้กรุ๊ป ลดลง 1.8% แม้รายงานรายได้ด้านวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้นก็ตาม

สำหรับหุ้นกลุ่มธนาคารในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง 1.5% ส่วนหุ้นเทสลาพุ่งขึ้น 3% และเป็นหุ้นในดัชนี S&P500 ที่มีการซื้อขายมากที่สุดเป็นมูลค่าราว 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันศุกร์ ทั้งนี้ ข้อมูลจาก LSEG IBES ระบุว่า บรรดานักวิเคราะห์คาดว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทในดัชนี S&P500 จะเพิ่มขึ้น 9.6% โดยคาดว่าบริษัทด้านเทคโนโลยีจะมีผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์, อุตสาหกรรม และวัสดุ จะลดลง

โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยในวันศุกร์บ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สูงกว่าคาดเล็กน้อยในเดือนมิ.ย. แต่แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย. หลังจากที่มีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลงเกินคาดเมื่อวันพฤหัสบดี โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่คาดเล็กน้อย เนื่องจากต้นทุนการบริการเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.

ทั้งนี้ ดัชนี PPI ทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.3% จากระดับ 2.4% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.1% หลังจากปรับตัวขึ้น 0.0% หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนพ.ค.

ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.5% จากระดับ 2.6% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% จากระดับ 0.3% ในเดือนพ.ค. ขณะที่เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 94% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.นี้ เพิ่มขึ้นจาก 78% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

Back to top button