“ชัยยศ” แนะเก็บหุ้นโรงไฟฟ้า-อาหาร ลุ้นงบ Q2 โตแกร่ง ชู GULF-CPF เด่นสุด

“ชัยยศ จิวางกูร” แนะลงทุนหุ้นโรงไฟฟ้า-อาหาร รับผลประกอบการไตรมาส 2/67 โตแกร่ง ชู GULF เด่นสุดรับเซนติเมนต์บวกหลังควบรวม INTUCH-ลงทุนธุรกิจ “ดาต้าเซ็นเตอร์” สร้าง New S-Curve ด้านกลุ่มอาหารมอง CPF เด่นรับอานิสงส์ราคาหมู-ไก่พุ่ง


นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด มหาชน หรือ KSS เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (17 ก.ค. 67) ว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยมาจากปัจจัยสนับสนุนดังนี้ 1.การควบบริษัทระหว่าง บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ซึ่งส่งผลให้มีเซนติเมนต์เชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย

2.ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวลงโดยหลุดระดับ 4.2% ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในเช้าวันนี้ โดยอยู่ที่ระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะช่วยหนุนให้ฟันด์โฟลว์ระยะสั้น จากนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย

สำหรับการการควบรวมบริษัทระหว่าง GULF และ INTUCH มองว่าโครงสร้างบริษัทของ GULF จะมีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจมากขึ้นจากการปรับโครงสร้างของบริษัท โดยการจัดตั้งบริษัทใหม่ (NewCo) โดย GULF ทั้งนี้ได้รับเซนติเมนต์เชิงบวกจากโปรเจ็กต์ใหญ่ต่างๆ อาทิ การเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ที่มีการร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลายที่ เป็นต้น ซึ่งโปรเจ็กต์ดังกล่าวเป็น New S-Curve ของ GULF ดังนั้นจึงมองว่า การควบรวมบริษัทระหว่าง GULF และ INTUCH จะเป็นเซนติเมนต์เชิงบวกต่อตัวหุ้น และตลาดหุ้นไทย

สำหรับประเด็นของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA มีความกังวลในส่วนของหุ้นกู้ ทั้งส่วนที่จะครบกำหนดในปีนี้ และส่วนที่เป็นหุ้นกู้ระยะยาว สำหรับหุ้นกู้ระยะสั้นที่จะครบกำหนดในปีนี้มองว่ายังไม่น่ากังวลมากนัก เนื่องจาก EA ยังมีกระแสสดจากโรงไฟฟ้า รวมถึง Adder อีกหลายโครงการที่ยังไม่หมด แต่สิ่งที่น่ากังวลคือหุ้นกู้ระยะยาวที่เกิน 1 ปีขึ้นไป เนื่องจากเรตติ้งหุ้นกู้ของ EA ถูกอันดับลง ซึ่งหากมีการออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อมาทำ Rollover หุ้นกู้ระยะยาว จะส่งผลให้ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง และในส่วนของ Adder ที่กำลังจะหมดในช่วง 4 ปีจากนี้ มองว่าอาจส่งผลกระทบต่อหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในปีท้ายๆ ได้

ขณะที่ราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อ Corporate Governance (CG) ของกองทุน ซึ่งจะทำให้กองทุนมีการปรับพอร์ต โดยส่งผลให้ในระยะสั้นจะยังเห็นแรงขายจากกองทุน

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นกลุ่มที่ผลประกอบการไตรมาส 2/67 มีแนวโน้มเติบโต อาทิ กลุ่มส่งออก, กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง, กลุ่มอาหาร มองว่าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF มีความโดดเด่น จากราคาไก่ และราคาหมูที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งมีความคาดหวังว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/67 จะออกมาดี รวมทั้ง บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG

ส่วนกลุ่มโรงไฟฟ้า คาดการณ์ว่าผลประกอบการจะดีขึ้น เนื่องจากต้นทุนก๊าซที่อยู่ระดับต่ำ และค่า Ft ที่ยังไม่ได้ลดลง โดยมองว่า GULF น่าสนใจมากที่สุด แนะนำเก็งกำไร ให้แนวรับ 43.00- 42.50 บาท และแนวต้านที่ 45.00-46.00 บาท และอีกหุ้นที่น่าสนใจ คือ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM

นอกจากนี้ยังมองว่ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์บางตัว เช่น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE และบริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA มองว่าผลประกอบการไตรมาส 2/67 จะออกมาดี

Back to top button