ซูเปอร์ดีล “GULF-INTUCH” ขึ้นแท่นธุรกิจ “โครงสร้างพื้นฐาน” ครบวงจร หนุนมาร์เก็ตแคปสูง

“สารัชถ์ รัตนาวะดี” เผยซูเปอร์ดีล GULF-INTUCH ตั้ง NewCo หวังเดินหน้าธุรกิจ “Infrastructure” ครบวงจร หนุนมาร์เก็ตแคปสูงสุด พร้อมมั่นใจสร้างการเติบโตยั่งยืน


นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยข้อมูลภายหลังการประกาศข่าวการควบรวมกิจการระหว่าง GULF และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ว่า เมื่อช่วงปี 2563 GULF ได้ดำเนินการเข้าซื้อหุ้น INTUCH เป็นครั้งแรกในสัดส่วน 4.59% ซึ่งหลักๆ การถือหุ้นของ INTUCH ทำให้ GULF มีกระแสเงินสด (Cash Flow) ที่ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจของ INTUCH อย่าง AIS รวมถึงการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวบริษัทยังได้มองถึงทางการร่วมลงทุนระหว่างกัน โดยบริษัทต่างมองไปที่การลงทุนในธุรกิจประเภทระบบที่เป็นเสมือนโครงข่าย (Digital Infrastructure)

ทั้งนี้ภายหลัง GULF ได้เข้าถือหุ้นใน INTUCH ซึ่งมีธุรกิจอย่าง AIS นั้น ที่ผ่านมาได้เข้าร่วมตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญๆ ของธุรกิจยกตัวอย่างเช่นการควบรวมกิจการกับ 3BB โดยลักษณะการลงทุนที่ผ่านมาจะเป็นรูปแบบการเข้าถือหุ้นทางอ้อม ซึ่งบริษัทจะได้รับผลตอบกลับมาในรูปแบบเงินปันผลอย่างเดียวเท่านั้น

โดยช่วงเวลาที่ผ่านมา GULF ได้พยายามหาแนวทางเพื่อการต่อยอดให้ INTUCH ในอนาคต เนื่องจากมองว่าสภาพคล่อง (Liquidity) ของบริษัทค่อนข้างต่ำ ขณะที่จากการสำรวจพบว่า INTUCH ลงทุนในธุรกิจอย่าง เวนเจอร์แคปปิตอล (Venture Capital Fund) พบว่ามีผลตอบแทนที่ไม่คุ้นค่ามากนัก ซึ่งภายหลังได้พูดคุยกับผู้บริหารเพื่อโน้มน้าวให้ยุติการลงทุนในธุรกิจดังกล่าว

พร้อมกันนั้น GULF ได้พยายามมองหาธุรกิจใหม่ๆ เสริมความแข็งแกร่งให้ INTUCH ซึ่งก็นับเป็นความเสี่ยงอยู่บ้าง เนื่องจากบริษัทเองมีการขยายตัวอยู่ตลอดเวลาและมองว่าการหาธุรกิจมาเสริม INTUCH นับเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่บริษัทเองยังคงมีความมุ่งมั่นพยายามให้ธุรกิจของ INTUCH สามารถจ่ายปันผลได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นการเติบโต (growth) ที่ได้ส่วนมากตกไปอยู่ที่ธุรกิจของ INTUCH และ AIS ขณะที่ Singtel Strategic Investments Pte. Ltd. เองที่ผ่านมานั้นได้มีการเชิญชวน INTUCH ให้ลงทุนในธุรกิจ (Data Center) ด้วย

ทั้งนี้ GULF ได้สำรวจดูแล้วว่ามีวิธีไหนบ้างที่ทำให้ธุรกิจเติบโตโดย GULF ได้ตัดสินใจเข้าซื้อ THCOM เพื่อแยกธุรกิจออกมาส่งผลให้ INTUCH เหลือธุรกิจเพียงอย่างเดียวนั่นคือ AIS พร้อมกับมองหาแนวทางต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจ อาทิ ควบรวมธุรกิจ หรือ ทำ Tender offer ใหม่เป็นต้น โดยในที่สุดบริษัทได้พูดคุยกับทาง Singtel Strategic Investments Pte. Ltd. ถึทางเลือกอย่างการให้ GULF และ INTUCH เข้าร่วมกัน ซึ่งมีความเห็นว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับผู้ถือหุ้นทุกฝ่ายทั้งรายใหญ่-รายย่อย ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาถึงผลดีและผลเสียต่างๆ เรียบร้อยแล้ว และบริษัทพบว่านับเป็นผลที่ดีมากกว่าผลเสีย

“โดยการทำธุรกรรมดังกล่าวยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน ซึ่งคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาในการพูดคุยกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ ก.ล.ต., สรรพากร และกระทรวงพาณิชย์ร่วมระยะเวลาเกือบ 1 ปี ส่วนกรณีการประเมิณราคาหุ้น (VALUATION) อาทิ INTUCH ที่บริษัทมองไว้อยู่ประมาณ 211 บาท ขณะที่ THCOM ราคาอยู่ประมาณ 11 บาท นั้นบริษัทดูจากการเติบโตที่แท้จริงว่าราคาที่เหมาะสมนั้นอยู่ตรงไหน ซึ่งไม่ได้ดูที่ Market หรือ การเข้ามาซื้อนักลงทุนในตลาด” นายสารัชถ์ กล่าว

นายสารัชถ์ กล่าวอีกว่า ส่วนขั้นตอนจากนี้ไปคือขั้นตอนการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อทำ VTO ซึ่งบริษัทต้องเตรียมเงินให้พร้อมสำหรับการทำธุรกรรมทั้งจาก AIS และ THCOM อย่างไรก็ตามการบริหารงานของ AIS ในปัจจุบันยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงถึงแม้จะมีการควบรวมกิจการแล้วก็ตาม ขณะที่บทบาทของ GULF และ Singtel ยังคงเหมือนเดิมและไม่คิดที่จะเปลี่ยนแนวทางการบริหารงานของ AIS ให้ผิดไปจากเดิม แต่เป็นเพียงการเสริมศักยภาพธุรกิจในกลุ่มทั้งหมดให้สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งหลักๆที่บริษัทมองไว้

โดยภายการทำธุรกรรมต่างๆ เสร็จสิ้นนั้น ในแง่ธุรกิจของ GULF คาดการณ์ว่าจะทำให้เกิดความแข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตามรายได้หลักของบริษัทนั้นมายังจากธุรกิจพลังงานเกือบ 80% ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทยังดำเนินธุรกิจในสายพลังงานไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนไปสายธุรกิจอื่น ทั้งนี้ GULF ยังคงเน้นทำธุรกิจพลังงานหมุนเวียนมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลังแม้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าลงทุนในธุรกิจ Data Center หรือ Cloud ก็ตาม ทั้งนี้ ธุรกิจที่กล่าวมาต่างต้องการใช้พลังงานสีเขียว ซึ่ง GULF สามารถตอบสนองความต้องการใช้ได้และถือเป็นเพียงบริษัทเดียวที่มีธุรกิจครอบคลุมทุกส่วนงาน ทั้งธุรกิจด้านพลังงานตลาดจน Data Center ทำให้ไม่ต้องไปพึ่งพากลุ่มธุรกิจอื่นในการดำเนินงาน อนึ่งจากที่กล่าวมานับเป็นปัจจัยหลักที่บริษัทตัดสินใจควบรวมกิจการ

นายสารัชถ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การตัดสินใจดังกล่าวผ่านการวิเคราะห์มาแล้วร่วม 1 ปี ซึ่งมีทางเลือกอยู่หลายทาง โดยบริษัทมีความคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงแรกที่เข้าซื้อหุ้น INTUCH และบริษัทเองก็ได้มีการเปรียบเทียบแนวทางอื่นๆ ว่ามีความเหมาะสมและดีเทียบเท่ากับที่บริษัทมองไว้หรือไม่ ส่วนกรณี Singtel ที่มีสัดส่วนถือหุ้นใน NewCo ราว 9.1% นั้น ในระยะยาวจะยังคงถือต่อไปหรือไม่นั้นมองว่าทั้ง 2 บริษัทต่างเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน ทั้งนี้คงต้องมาคุยกันในอนาคต

สำหรับการจ่ายปันผลของ INTUCH ที่มีกำหนดจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นในไตรมาส 1/68 จะสามารถดำเนินการได้ทันหรือไม่นั้นบริษัทยืนยันว่าจะยังคงมีการจ่ายปันผลตามแผนเดิมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นไปตามปกติที่ INTUCH จะจ่ายปันผลให้ GULF และจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นตามผลประกอบการ ส่วนกรณีนโยบายการจ่ายเงินปันผล (Dividend Policy) ของบริษัท NewCo นั้น จะขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริษัทในอนาคต

ขณะที่การจ่ายเงินปันผลพิเศษ (Special dividend) ของ INTUCH จำนวน 4.5 บาท/หุ้น นั้นจะมาจากเงินกู้ราว 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะจ่ายแก่ผู้ถือหุ้นและ GULF ซึ่งถือหุ้นให้สัดส่วน 47% ซึ่งจะได้รับปันผลประมาณ 6.8 พันล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้น

ทั้งนี้ หลังเปลี่ยนเป็น NewCo จะมีการทำการปันส่วนราคาซื้อ Purchase Price Allocation (PPA) และคาดการณ์มีการตัดจำหน่าย (Amortize) ปีละ 4 พันล้านบาท โดยสัดส่วนการถือหุ้น ADVANC ที่เพิ่มขึ้นจะสร้างกำไรส่วนเพิ่มเข้ามา 6 พันล้านบาท Net ออกมาแล้วกำไรจะเพิ่มขึ้นราว 2 พันล้านบาท/ปี ส่วนกระแสเงินสด (Cash flow) เพิ่มขึ้นราว 5-6 พัน ล้านบาท/ปี

ส่วนเรื่องการการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (Extraordinary Annual General Meeting) หรือ EGM นั้น ผู้ถือหุ้นทุกรายมีสิทธิในการออกเสียง พร้อมกันนี้ในการประชุมต้องมีเสียงเป็นเอกฉันท์อยู่ที่ 75% ของผู้มีสิทธิออกเสียง

นอกจากนี้การร่วมธุรกิจระหว่างบริษัทกับ AIS ยังคงเหมือนเดิม ซึ่ง AIS มีทิศทางดำเนินงานเป็นที่ชัดเจน โดยบริษัทเน้นเพียงการทำธุรกิจ Data Center ขณะที่ Net IBD/Equity ของ GULF ปัจจุบันอยู่ที่ 1.7 เท่า ซึ่งภายหลังการธุรกรรมรวม NewCo และ INTUCH ดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทมี Net IBD/Equity ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 0.9 เท่า ทั้งนี้เป็นผลมจาก GULF ไม่มีเงินกู้ยืม

อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าภายในอนาต บริษัทยังคงสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกิจด้านพลังงาน นอกจากนี้ด้าน AIS เองก็นับว่ามีผลประกอบการอยู่ในทิศทางที่ดี และในอนาคตธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Data Center หรือ Cloud จะทำให้บริษัทมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา GULF ได้ลงนามร่วมลงทุนธุรกิจ Cloud กับ google ส่วน AIS เองก็มีการลงทุนธุรกิจ Cloud  เช่นกัน ซึ่งก็เชื่อมกับ Data Center ได้เช่นกัน ทั้งนี้ในมองว่า GULF จะมีพอร์ตธุรกิจและ Telecom ที่ใหญ่มากขึ้น

“การจัดตั้งคาดการณ์ว่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 1/68 และต้องมีการจัดประชุมคณะผู้ถือหุ้นในหลายบอร์ดรวมถึงการทำเทนเดอร์ พร้อมกันนี้ เชื่อว่าทุกอย่างจะไปในทิศทางที่ดี และมองว่าการมีบริษัทอย่าง NewCo นั้นจะเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่และดำเนินการลงทุนในธุรกิจ Infrastructure อาทิ Telecom Data และ พลังงาน พร้อมกับการเป็นอีกบริษัทที่จะลงทุนธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อย โดยจะเน้นที่ธุรกิจ Infrastructure เป็นหลัก เนื่องจากธุรกิจพลังงานของ GULF มีความแข้งแกร่งอยู่แล้ว โดยการดำเนินธุรกิจอาจไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนในเร็ววัน แต่ในระยะกลางถึงยาวเชื่อว่าจะสามารถสาร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน”  นายสารัชถ์ ทิ้งกล่าว

Back to top button