KTB เด้ง 3% รับงบ Q2 โต 10% ทะลุหมื่นล้าน โบรกอัพคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าใหม่ 21 บ.

KTB บวก 3% หลังโชว์งบไตรมาส 2/67 เติบโต 10% แตะ 1.1 หมื่นล้านบาท รับอานิสงส์รายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมบริการเพิ่มขึ้น โบรกปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” ราคาเป้าหมายใหม่ 21 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (23 ก.ค.67) ราคาหุ้น ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 17.70 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 3.51% สูงสุดที่ระดับ 17.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 17.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 252.86 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ถึงผลประกอบการไตรมาส 2/67 ของ KTB ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ 5% และฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 8% โดยกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่เนื่องจากมีกำไรจากเงินลงทุน (FVTPL) เข้ามาช่วยสนับสนุนจำนวน 1.5 พันล้านบาท จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท ทั้งนี้ มากกว่าที่ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้อยู่ที่ 1.0 พันล้านบาท ประกอบกับมีส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) มากกว่าคาดการณ์มาอยู่ที่ 3.41% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 3.37% จากการรุกธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น

ขณะที่สินเชื่อรวมมีการปรับตัวลดลง 0.6% เนื่องจากสินเชื่อรายใหญ่และธุรกิจ SME ลดลง ขณะที่สินเชื่อภาครัฐเพิ่มขึ้นได้ดีถึง 6% ซึ่งมองว่าเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำและรองรับกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงได้เพราะเป็นสินเชื่อที่ไม่ต้องมีการตั้งสำรองฯ

ทั้งนี้ KTB ยังมีรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิตามคาดการณ์อยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ลดลง 5% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งการเติบโตดังกล่าวมาจากธุรกิจกองทุนรวมและธุรกิจบัตรเครดิตที่เติบโตได้ดี ส่วนการสำรองฯกลับมาตั้งอยู่ที่ระดับปกติตามคาดการณ์อยู่ที่ 8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า

ขณะที่หนี้เสีย (NPL) มีการปรับตัวลดลงได้ดีมาอยู่ที่ 3.12% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 3.14% โดยมีการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ (write-off) อีกราว 7.5 พันล้านบาท จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 8.6 พันล้านบาท ขณะที่มีอัตราส่วนความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย (Coverage ratio) ลดลงเล็กน้อย โดยยังอยู่ในระดับสูงที่ 181% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 182% ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ได้ปรับคำแนะนำขึ้น “ซื้อ” จากเดิมที่ให้  “ถือ” ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท

Back to top button