บอร์ด TQM ไฟเขียวเข้าลงทุน “มายกรุ๊ป อินเทลลิเจ้นท์” สัดส่วน 19.43% แลกชำระหนี้เงินกู้ยืม
บอร์ด TQM ไฟเขียวเข้าลงทุน “มายกรุ๊ป อินเทลลิเจ้นท์” สัดส่วน 19.43% คิดเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท โดยเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาเพื่อแลกกับการชำระหนี้เงินกู้ยืม
นางสาวสมพร อำไพสุทธิพงษ์ ประธานบริหารบัญชีการเงินบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQM แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 24กรกฎาคม 2567 ได้มีมติรับทราบการลงทุนในบริษัท มายกรุ๊ป อินเทลลิเจันท์ จำกัด (MGI) ตามที่บริษัทได้รายงานต่อตลาดทรัพยแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวโยงกัน (อ้างชิงตามสารสนเทศเลขที่ TA0101166 ลงวันที่ 22 พ.ย.66 เรื่อง การเข้าสัญญากู้ยืมเงินกันกับธนาคารและการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวโยงกัน) โดยเงื่อนไขสัญญาระบุบริษัทสามารถใช้สิทธิการรับชำระหนี้เงินกู้ยืม โดยผ่านการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ MGI ภายในเดือน เมษายน 2567 ถึงเดือนสิ่งหาคม 2567 นั้น บริษัทได้แต่งตั้งบริษัท สีลม แอ็ดไวเชธรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA)
โดยรายงานการประเมินมูลค่ายุติธรรมของส่วนของผู้ถือหุ้นจาก IFA ให้ความเห็นว่ามูลค่ายุติธรรมของ MGI ราคาที่เหมาะที่คำนวณได้จากวิธีส่วนลดกระแสเงินสด(Discounted Cashflow Approach) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 เท่ากับ 1,800.76 ล้านบาท หรือ จากการวิเคราะห์ความโวตามวิธีส่วนลดกระแสเงินสด (Sensitivity Analysis) มีค่าระหว่าง 1,761.66 – 1,893.80 ล้านบาท ตามที่ IFA ให้ความเห็นว่ามูลค่ายุติธรรมของส่วนของผู้ถือหุ้นของ MGI ที่ประเมินด้วยวิธีส่วนลดกระแสเงินสดที่มีมูลค่าเท่ากับ 1,800.76 ล้านบาท มีความเหมาะสม และคณะกรรมการบริหารพิจารณาแล้ว จึงได้ลงนามในสัญญาเพื่อลงทุนโดยการแปลงเงินกู้เป็นหุ้นสามัญ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 จำนวน 723,470 หุ้น หรือคิดเป็น 19.43% มูลค่า 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญา
ทั้งนี้ธุรกรรมข้างต้นเป็นการได้มาซึ่งสินทรัพย์ตามประกาศณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ (และที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดแอร์ธมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ.2547 (และที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (รวมเรียกว่า ประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์) ซึ่งมีขนาดรายการสูงสุดเมื่อคำนวณตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนเท่ากับร้อยละ 5.12 ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของบริษัท อ้างอิงตามงบการเงินรวมฉบับสอบทานของบริษัทสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2557
ทั้งนี้เมื่อรวมรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์อื่นที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมาก่อนเข้าทำรายการในครั้งนี้ ทำให้รายการได้มาซึ่งสิ่งสินทรัพย์ของบริษัทที่มีขนาดเท่ากับร้อยละ 5.12 ถือเป็นรายการที่มีขนาดรายการต่ำกว่าร้อยละ 15 ตามประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งซึ่งสินทรัพย์ ดังนั้น บริษัทจึงไม่เข้าข่ายต้องจัดทำและเปิดเผยสารสนเกี่ยวกับการเข้าทำรายการดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์