โบรกเชียร์ “ซื้อ” NER เป้า 6.95 บาท ชี้งบไตรมาส 3 พีก กำไรทะลัก 600 ล้านบาท

NER ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรก โชว์ออเดอร์ทะลักครอบคลุมทั้งปี 67 แล้ว บวกราคายางขาขึ้น! จ่อส่งออกยาง EUDR ให้ลูกค้าจีนส.ค.นี้ ประเดิมปีนี้ 20,000 ตัน เหตุราคาขายดี-กำไรสูง โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” ให้เป้า 6.95 บาท คาดไตรมาส 3/67 พีกสุดรอบปีนี้ ฟันกำไรสูง 600 ล้านบาท


นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 มีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากได้ปัจจัยบวกราคายางพาราที่ยืนอยู่ในระดับสูง และยังคงเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อ (Order) ล่วงหน้าครอบคลุมเกือบทั้งปีแล้ว

ขณะที่ ในช่วงไตรมาส 3/2567 บริษัทจะเริ่มส่งออกยางมาตรฐานสหภาพยุโรป (อียู) ที่เริ่มบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า หรือ EU Deforestation Regulation (EUDR) ภายในสิ้นปี 2567 ซึ่ง NER จะมีการส่งออกยาง EUDR ล็อตแรกให้บริษัทยางสัญชาติจีนในเดือนสิงหาคม 2567 และส่งออกมากขึ้นในไตรมาส 4/2567

ครึ่งปีหลัง NER จะส่งออกยาง EUDR โดยได้ราคาขายที่ดี และมีความสามารถในการทำกำไรที่สูงกว่าปกติเข้ามาหนุนผลการดำเนินงาน คาดว่าปีนี้จะส่งออกได้ประมาณ 20,000 ตัน และส่งออกมากขึ้นได้เต็มปีในปี 2568 แต่อาจจะมีการพิจารณาปรับตัวเลขใหม่อีกครั้งหลังประกาศงบไตรมาส 2/2567” นายชูวิทย์ กล่าว

นายศักดิ์ชัย จงสถาพงษ์พันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบริหารบัญชี-การเงิน NER เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” เพิ่มเติมว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 จะออกมาดีใกล้เคียงกับบทวิเคราะห์ที่บริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ที่ประเมินไว้ ตามปัจจัยบวกของราคายางที่ดี ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติ และประกาศงบไตรมาส 2/2567 ในวันที่ 9 สิงหาคม 2567

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทคงเป้าหมายจะมีรายได้เติบโตจากปี 2566 ที่มีรายได้รวมประมาณ 25,000 ล้านบาท เนื่องจากราคายางที่สูงขึ้นตามความต้องการ (ดีมานด์) ของอุตสาหกรรมโดยรวม ซึ่งจะเข้ามาชดเชยปริมาณการขายยางที่อาจน้อยกว่า 500,000 ตัน หลังซัพพลายเข้าระบบน้อยจากภัยแล้งเมื่อต้นปี ทำให้เกิดการบริหารสต๊อกของลูกค้า

ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น NER ให้ราคาเป้าหมายราคา 6.95 บาทต่อหุ้น คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 เป็นจุดสูงสุดของปี คาดการณ์กำไรปกติไว้ที่ระดับ 600 ล้านบาท (บวกลบ) เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน แม้ว่าปริมาณขายใกล้เคียงไตรมาส 2/2567 แต่คาดว่าราคาขายเฉลี่ย (ASP) จะสูงกว่า และมีต้นทุนขายเฉลี่ยลดลงจากต้นทุนรับเข้าใหม่ลดลงในไตรมาส 3/2567 ตามราคาตลาดหนุน

ขณะที่ ประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะเร่งตัวขึ้นอาจแตะระดับ 14-15% (New high) ได้ และในไตรมาส 4/2567 กำไรอาจชะลอลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ไม่มาก เนื่องจากปริมาณขายเพิ่มขึ้นตามปริมาณวัตถุดิบในตลาด สต๊อกจีนเริ่มลดลง บวกกับจีนลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในการนำเข้ายางธรรมชาติจาก 13% เป็น 9% เริ่ม 1 กรกฎาคม 2567 ทำให้ความต้องการจากจีนสูงขึ้น

นอกจากนี้ ฝั่งแอฟริกาให้ความสำคัญในการปลูกยางพารา โดยลดแรงกดดันด้าน Supply ใหม่ลดลง และราคายางมีโอกาสกลับมาสูงขึ้นได้ รวมถึงยาง EUDR จะช่วยหนุนกำไรในไตรมาส 4/2567 ของ NER ซึ่งปัจจุบันหุ้น NER ซื้อขาย (PER67) ต่ำเพียง 4.9 เท่า คาดเงินปันผลงวดช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ไว้ที่หุ้นละ 0.07 บาท ให้ผลตอบแทน 1.5% และทั้งปี 2567 คาดปันผลหุ้นละ 0.45 บาท ให้ผลตอบแทน 9.5% ถือว่าผลการดำเนินงานมีกำไรมั่นคง และให้ปันผลสูง

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 คาดปริมาณขาย 92,000 ตัน ลดลง 20% จากไตรมาสก่อน และลดลง 29.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการชะลอการขาย เพื่อบริหารสินค้าคงคลังให้สมดุลตลอดทั้งปี จากปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต ส่วนราคาขายยางพาราเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 66 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 30.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังปริมาณวัตถุดิบที่ลดลง แต่ความต้องการยังมีสูง โดยเฉพาะการกลับมาสต๊อกของฝั่งตะวันตก

ด้านรายได้ในไตรมาส 2/2567 ประเมินที่ 6,052 ล้านบาท ลดลง 7.50% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลง 7.70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่คาดอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 13.10% จาก 11.6% ในไตรมาส 1/2567 และ 12.90% ในไตรมาส 2/2566 จากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนขายเพิ่มขึ้นช้า ทำให้มีกำไรปกติ 493 ล้านบาท เติบโต 3.80% จากไตรมาสก่อน และลดลงเล็กน้อย 3.10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บวกกับคาดว่าจะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน/อนุพันธ์ 30 ล้านบาท จึงคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 463 ล้านบาท

Back to top button