MAGURO แย้มครึ่งปีหลัง ผุด 2 แบรนด์ ปูพรมเปิด 13 ร้านใหม่ ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 30%

MAGURO กางแผนครึ่งปีหลัง เดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง ผุด 2 แบรนด์ใหม่ และเดินหน้าเปิด 13 ร้านใหม่ เตรียมเจาะย่านกรุงเทพกรีฑา “มากุโระ-ฮิโตริชาบู” รองรับลูกค้าเพิ่มขึ้น ตอกย้ำเป้ารายได้ปี 67 เติบโต 30%


นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เปิดเผยว่า บริษัทมองแนวโน้มครึ่งปีหลังยังคงเติบโตดีต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการเปิดร้านขยายสาขาใหม่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงนโยบายรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับงบประมาณภาครัฐ และโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเข้ามาหนุน

ล่าสุดบริษัทฯ เตรียมเปิดสาขาใหม่ในเขตกรุงเทพกรีฑาทำเลทองบ้านหรูสุดฮ็อต โดยเปิด 2 ร้านพร้อมกันทั้งมากุโระและฮิโตริชาบู และในส่วนที่เหลือเปิดทยอยตามไตรมาส 3 และไตรมาส 4 โดยในไตรมาส 3/67 บริษัทเตรียมขยายร้านอีก 4 สาขา

ส่วนครึ่งปีหลัง บริษัทวางกลยุทธ์ธุรกิจเชิงรุก เดินหน้าขยายกิจการด้วยการเปิด 11 ร้านใหม่ ส่งผลให้ในปีนี้จะเปิดร้านใหม่ทั้งหมด 13 ร้าน เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าระดับพรีเมียม และพรีเมียม-แมสในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่งผลให้สิ้นปีนี้ MAGURO จะมีการขยายเครือข่ายทั้งหมด 38 ร้าน และตั้งเป้าขยายเครือข่ายในปี 68 จะเพิ่มขึ้นเป็น 50 ร้าน

ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าแผนขยายธุรกิจเชิงรุก ด้วยการเปิด 13 ร้านใหม่ ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 11 ร้าน รวมถึงการเปิดร้านแบรนด์ใหม่อย่างน้อย 2 แบรนด์ คือ HITORI SUKIYAKI และแบรนด์ใหม่ซึ่งจะเปิดให้บริการไตรมาส 4/67 นี้ โดยยังคงย้ำเป้ารายได้ปี 2567 เติบโต 30%

โดยงบประมาณการลงทุนขึ้นอยู่กับ 3 แบรนด์ และขนาดพื้นที่ของร้าน เริ่มต้นงบลงทุนประมาณ 12-20 กว่าล้านบาท ส่วนใหญ่เป็น Maguro พื้นที่จะอยู่ประมาณ 150 ตารางเมตรโดยเฉลี่ย ถัดมาถ้าเป็น  ฮิโตริชาบู จะมีพื้นที่ประมาณ 170 ตารางเมตร ในขณะที่ปิ้งย่าง Sammthing Togerther จะมีพื้นที่ประมาณเกือบ 200 ตารางเมตร ส่งผลให้งบประมาณในการลงทุนมีความแตกต่างกันออกไป

อย่างไรก็ดี เตรียมเปิด แตนอโลน ในเขตเลียบด่วน โดยมีพื้นที่มีอยู่ 2 ไร่ ซึ่งจะรวบรวม 3 แบรนด์อยู่ด้วยกัน มีพื้นที่ใหญ่มากขึ้น และรองรับลูกค้าได้ต่อเนื่อง ซึ่งคาดการณ์เปิดช่วงเดือนตุลาคมนี้

ส่วนแผนการขยายสาขาร้านออกจากต่างจังหวัดอาจจะมองเป็นหัวเมืองเป็น จังหวัดภูเก็ต, พัทยา และขอนแก่น อย่างไรก็ตามบริษัทเดินหน้าเน้นขยายสาขาร้านในกรุงเทพให้เต็มครบสาขาก่อน ถึงจะเลือกขยายสาขาร้านต่างจังหวัด

นายจักรกฤติ สายสมบูรณ์ กรรมการบริหาร MAGURO กล่าวว่า นอกเหนือจากกลยุทธ์ขยายสาขาแล้ว ทางบริษัทได้มีการใช้ Data จากระบบ CRM หรือระบบ Customer Relation Management เพื่อจับ พฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบัน พบว่าลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารที่ร้านในเครือ MAGURO ในทุก ๆ แบรนด์ มีความหลากหลายทั้งด้านอายุ อาชีพ

“รวมถึงผู้ร่วมรับประทานอาหารที่ประกอบด้วยกลุ่มขนาดเล็ก คือ 2-3 ท่าน ไปจนถึงกลุ่มขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัวหรือเพื่อนฝูง ทำให้บริษัทฯ ปรับวางกลยุทธ์เพิ่มเติมในส่วนของเมนูอาหารที่จะมีความหลากหลายมากขึ้น และขนาดของเซ็ตอาหารที่แต่เดิมจะเน้นเป็นเซ็ตเมนูขนาดใหญ่ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มาในรูปแบบครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนขนาดใหญ่ ก็จะมีการเพิ่มเซ็ตเมนูขนาดเล็ก-กลางเข้ามารองรับกลุ่มลูกค้าที่มาทานคนเดียว หรือมาเป็นคู่ อาทิเช่นเมนู Lady’s Salmon ซาชิมิแซลมอน 5 ชิ้น ขนาดพอดีคำ และ Perfect Portion Salmon ซาชิมิแซลมอนขนาดใหญ่เต็มคำในปริมาณ 4 ชิ้น เพื่อส่งมอบความพรีเมียมให้เข้าถึงลูกค้าอย่างครอบคลุม ซึ่งในทุก ๆ เมนูยังคงส่งมอบความ ‘Give More Culture’ หรือ การให้มากกว่าที่ขอ’ เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง” นายจักรกฤติ กล่าว

Back to top button