โบรกแนะซื้อ FM เป้า 8.30 บ. ชี้กำไรไตรมาส 2 โต 1 เท่าตัว ทะลุ 200 ล้านบาท

โบรกแนะซื้อ FM ราคาเป้าหมาย 8.30 บาท ลุ้นกำไรไตรมาส 2/67 โต 137% แตะ 216 ล้านบาท รับอานิสงส์ไข้หวัดนกระบาดในบลาซิล ส่งผลต่อการนำเข้าสินค้าบางพื้นที่ในยุโรปและญี่ปุ่น สร้างโอกาสการเติบโตของธุรกิจไก่ในประเทศไทยรวมถึง FM


บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ FM ชี้แจงถึงราคาหุ้น ณ เข้าเทรดวันแรกเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 67 ที่ผ่านมานั้น ปิดต่ำกว่าราคา IPO ซึ่งเกิดจากความกังวลของตลาด สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมในกลุ่มครอบครัว “ดุษฏีโหนด” และ private equity fund ยังติด Silent period ตามกฎของ ก.ล.ต. และยืนยันถือหุ้นครบไม่ได้มีการขายหุ้นออกแต่อย่างใด

ขณะเดียวกันบริษัทขอยืนยันผลประกอบการ ไตรมาส 1/67 เติบโตแท้จริงตามรายได้และอัตรามาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น มีการตรวจสอบจากผู้ตรวจสอบ Big 4 และตรวจสอบจากทาง กลต.ที่เข้มงวด ทุกอย่างโปร่งใส

นอกจากนี้ มีการประเมินแนวโน้มไตรมาส 2/67 ถึงไตรมาส 4/67 เติบโตต่อเนื่อง จากตลาดส่งออกที่เพิ่มขึ้น ทั้งยุโรป ญี่ปุ่น และจีน และการเข้าตลาดใหม่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่เริ่มส่งออกไก่สดชำแหละเดือน ก.ค.นี้ และยังมีโอกาสเติบโตจากประเทศบราซิลที่เป็นรายใหญ่ในการส่งออกของโลก  ซึ่งในตอนนี้มีปัญหาไข้หวัดนกระบาดส่งผลต่อการห้ามนำเข้าสินค้าบางพื้นที่ในยุโรปและญี่ปุ่น เป็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจไก่ในประเทศไทยรวมถึง FM ด้วย

อีกทั้ง อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/67 ถึง ไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 85%-90% จาก ไตรมาส1/67 อยู่ที่ 65% สำหรับในไตรมาส 4/67 มีคำสั่งซื้อสูง แต่กำลังการผลิตไม่เพียงพอ ทำให้มีการเลื่อนออเดอร์บางส่วนไปในไตรมาส 1/68 จากการบริหารกำลังการผลิต ส่งผลต่ออัตรามาร์จิ้นคาดเพิ่มขึ้นจากธุรกิจไก่แปรรูปที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 35% จากไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 30%

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ประเมินว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 77% จากไตรมาสก่อน โดยคาดรายได้รวมเติบโต 27% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจไก่ส่งออกแปรรูปที่เพิ่มขึ้นเป็นหลักทั้งยุโรป ญี่ปุ่น และจีน รวมถึงประเทศอื่นๆที่บริษัทส่งออกกว่า 10 ประเทศ สัดส่วนรายได้ธุรกิจไก่แปรรูปปรุงสุกเพิ่มขึ้นคาดที่ 37% จากไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 31% ส่งออกผลให้อัตรามาร์จิ้นคาดเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 16.50% จาก 11.30% เมื่อเทียบกับงดเดียวของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 11.90% จากไตรมาสก่อน โดยจากสัดส่วนธุรกิจไก่แปรรูปที่เพิ่มขึ้นซึ่งมีอัตรามาร์จิ้นมากกว่าไก่สดชำแหละถึง 3 เท่า

สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร คาดที่ 4.50% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 4.20% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน จากค่าขนส่งทางเรือในการส่งออกที่เพิ่มขึ้น (บริษัทขายสินค้ำเป็น CIF กับ FOB 50:50, ค่าขนส่งคิดเป็น 2.20% ของรายได้รวม หรือ 4.4% ของรายได้ส่งออก) ส่งผลให้อัตราทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.40% เพิ่มขึ้นจำก 6.10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน โดยยังคงประมาณการเดิมคาดกำไรสุทธิ ครึ่งแรกของปี 67 เติบโต 106% เทียบกับครึ่งแรกของปี 66 และคาดกำไรสุทธิปี 67 เพิ่มขึ้น 115% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเติบโตต่อเนื่องในปี 68-69 ที่เฉลี่ย 20% (CAGR2y) จากการขยายกำลังการผลิตธุรกิจไก่แปรรูปปรุงสุกเพิ่มขึ้น 30% ในปี 69 และขยายไก่สดชำแหละเพิ่มขึ้น 25% ในปี 69 รองรับการส่งออกเติบโต บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มี D/E ที่ต่ำ และมี ROE ที่สูงมีผลการดำเนินงานที่ทำกำไรต่อเนื่อง

ทั้งนี้ คาดผลประกอบการ FM จะเติบโตอย่างยั่งยืน จากปัจจัยบวก 1) ภาพรวมอุตสาหกรรมไก่ยังเป็นอันดับ 1 ในการบริโภคมากที่สุด และประเทศไทยติดในกลุ่ม 5 อันดับแรกในการส่งออกของโลก, 2) ประเทศไทยเป็นผู้นำอันดับ 1 ในการผู้ส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุก (CAV Products) สอดคล้องกับที่บริษัทมุ่งเน้นธุรกิจกลุ่มนี้, 3) แนวโน้มอุตสำหกรรมไก่ไทยเป็นช่วงขาขึ้น, 4) บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตไก่แปรรูป (CAV Products) มุ่งเน้นสินค้าที่มีอัตราทำกำไรสูงสร้างกำไรเติบโตอย่างยั่งยืน, 5) ขยายตลาดส่งออกกลุ่มประเทศใหม่ๆ และยังคงรักษาลูกค้ำระดับไฮเอนด์พรีเมี่ยมไว้, 6) พัฒนาออกสินค้าใหม่ปลายน้ำ (downstream) อย่างต่อเนื่อง และ 7) ขยายกำลังการผลิตไก่ชำแหละ เพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน (supply chain optimization)

ดังนั้นยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.30 บาท อ้างอิง PER ที่ 15 เท่า สำหรับราคาหุ้นที่ปิดวันนี้ ซึ่งมองเป็นโอกาสสะสม จากราคาที่ต่ำ คิดเป็น PER ปี 67 ที่ 7.5 เท่า ค่อนข้างต่ำ เทียบกับ PER ปี 67 ของตลาดกลุ่มนี้ที่ 12 เท่า Dividend yield ที่ 5% และบริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็นเงินสดสุทธิ

Back to top button